ชาวบ้านใน อ.สีคิ้วผวา โรงงานระเบิด 2 ครั้งติดในรอบปี รวมตัวกว่า 50 คน บุกศาลากลาง ร้องผู้ว่าช่วยย้ายโรงงานออกจากพื้นที่ หวั่นไม่ปลอดภัยกับชีวิต
วันนี้ (10 ต.ค. 60) เวลา 11.30 น. ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ชาวบ้านจากหมู่บ้านใหม่ กม.9 หมู่ที่ 11 ต.กุดน้อย อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา จำนวนกว่า 50 คน ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนกับนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อขอความช่วยเหลือแก้ปัญหาความเดือดร้อนผลกระทบจากโรงงานแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงงานผลิตหลังคาเมทัลชีทและฉนวนกันความร้อน ตั้งอยู่ติดกับหมู่บ้าน ภายหลังจากที่โรงดังกล่าวเกิดระเบิดติดต่อกันถึง 2 ครั้งในรอบปีนี้ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณเคียงเคียงเป็นอย่างมาก
นางศิรินวภาวรรณ ภิญโญ อายุ 40 ปี ตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ กล่าวว่า เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ได้มีนายทุนมาซื้อที่ติดกับหมู่บ้านใหม่ กม.9 และทำการสร้างโรงงาน ซึ่งผลิตแผ่นหลังคาเมทัลชีท และฉนวนกันความร้อน ต่อมาในปีนี้ได้เกิดเหตุระเบิด และไฟไหม้โรงงานแห่งนี้อย่างรุนแรงถึง 2 ครั้ง ซึ่งครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่16 มกราคม และครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา จากการระเบิดและไฟไหม้แต่ละครั้ง ก็จะมีวัสดุ เขม่าควัน และกลิ่นแก๊สเข้ามาตกลงในชุมชนใกล้กับโรงงานเป็นจำนวนมาก จากการสำรวจพบว่ามีประชาชนได้รับผลกระทบจำนวน 15 หลังคาเรือน ชาวบ้านที่อยู่อาศัยเดือดร้อนกว่า 50 คน ซึ่งชาวบ้านเริ่มมีอาการเจ็บป่วยจากการสูดดมควันพิษ และกลิ่นแก๊ส ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลมาแล้วหลายราย แต่ทางโรงงานไม่เคยเข้ามาดูแลเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ดังนั้นวันนี้ชาวบ้านผู้ที่ได้รับผลกระทบจึงได้รวมตัวกันเดินทางมาพบผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เพื่อขอให้มีการเจราจาให้โรงงานแห่งนี้ ทำการย้ายฐานการผลิตไปที่อื่น เพราะชาวบ้านไม่ต้องการให้อยู่ใกล้ชนชน เนื่องจากกลัวว่าจะเกิดการระเบิดตามมาอีกหลายครั้ง ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก
ด้านนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า กรณีที่โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับชุมชน และเกิดระเบิดไฟไหม้อย่างรุนแรงถึง 2 ครั้งในรอบปีนี้ ก็เป็นเรื่องปกติที่ชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง จะรู้สึกไม่ปลอดภัยกับชีวิตของพวกเขา ซึ่งตนก็จะรับเรื่องนี้ไว้และเย็นวันนี้ (10 ต.ค.) ก็จะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ อุตสาหกรรมจังหวัด, สิ่งแวดล้อมจังหวัด และ อบต.ในพื้นที่ มาหารือเพื่อวางแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านโดยเร็วที่สุด โดยคาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปในการแก้ไขปัญหาได้ภายในสัปดาห์หน้า