สะเทือนวงการสงฆ์! แจ้งจับ 'เจ้าคณะอำเภอ' สวมบัตรคนตาย

สะเทือนวงการสงฆ์! แจ้งจับ 'เจ้าคณะอำเภอ' สวมบัตรคนตาย

งานเข้า..พระเถระชั้นผู้ใหญ่!! อดีตผกก.บุกศูนย์ดำรงธรรมเชียงใหม่ แจ้งจับ "เจ้าคณะอำเภอ" สวมบัตรคนตาย คาดเป็นชาวต่างด้าวลักลอบทำเป็นขบวนการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ ( 7ต.ค.) พ.ต.อ.บุญเลิศ เมตตารักษ์ อดีต ผกก.สภ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยนายกิตติศักดิ์ แสนทวีสุข ได้เดินทางมาที่ศูนย์ดำรงธรรมเชียงใหม่ และ กอ.รมน.เชียงใหม่ ที่อาคารศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อมทั้งนำหลักฐานเป็นเอกสาร ภาพถ่าย และพร้อมข้อร้องทุกข์กล่าวโทษ ให้ดำเนินคดีกับ 2 เจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่ง ในตัวเมืองเชียงใหม่ และเจ้าอาวาสวัดใหญ่ทางตอนบนของจังหวัดเชียงใหม่ และยังมีสมณะสงฆ์ เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่

พ.ต.อ.บุญเลิศ เมตตารักษ์ อดีต ผกก.สภ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สืบเนื่องมาจากพบว่าจากข้อมูลของเอกสารทางราชการเกี่ยวกับทะเบียนราษฎร์ พบว่าเจ้าอาวาสวัดใหญ่ ชั้นอารามหลวง กลางตัวเมืองเชียงใหม่ (เจ้าคณะอำเภอแห่งหนึ่ง) มีการใช้บัตรประชาชน ที่มีหมายเลขบัตรประชาชน ไปตรงกับบัตรประชาชนของเด็กชายดวงดี เวียงดินดำ ซึ่งได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งตั้งแต่ เมื่อปี 2538 ซึ่งทางประวัติเดิมเป็นชาวบ้านหนองดินดำ ต.บ้านแก้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ แต่พบว่าพ่อแม่ของเด็กชายดวงดี ซึ่งสมัยนั้นบ้านอยู่ห่างไกลทุรกันดาร ไม่ได้ไปแจ้งตายจนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมาทางฝ่ายทะเบียนราษฎร์ ได้รับรองการตายและออกใบมรณะบัตรให้แล้ว

ทั้งนี้ พบว่าเลขบัตรไปตรงกับบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าอาวาสดังกล่าว ทำให้มีการสืบค้นต่อไปอีกจนพบพิรุธว่ามีการเปลี่ยนชื่อของเจ้าอาวาส และเมื่อปี 2528 มีการใช้ชื่อบัตรประชาชน และเลขบัตรของอีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งไม่ตรงกับบัตร และเมื่อสืบค้นไปก่อนหน้านี้อีกยังพบข้อมูลอีกว่า เคยมีการจดทะเบียนอีกชื่อหนึ่งในฐานะบุคคลต่างด้าว ซึ่งมีทั้งบิดา และมารดาเป็นชาวเมียนมาด้วย ทำให้เกิดข้อสงสัยในความไม่ชอบมาพากล รวมทั้ง ยังมีเจ้าอาวาสวัดใหญ่อีกแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอทางตอนบนของเชียงใหม่ (อ.แม่อาย) ซึ่งมีพื้นที่ติดชายแดนไทยพม่า ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ และสนิทสนมกัน เป็นการส่วนตัว และยังเป็นส่วนผลักดันให้ได้สมณะสงฆ์ ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

คาดว่านอกจากมีส่วนรู้เห็นแล้ว อาจมีการปลอมแปลงเอกสารบัตรประจำตัวและมีสัญชาติต่างด้าวเช่นกัน จึงได้รวมรวมหลักฐานเข้าร้องกับทาง ศูนย์ดำรงธรรมเชียงใหม่ และ กอ.รมน.เชียงใหม่ ให้ตรวจสอบและดำเนินคดี กับพระทั้ง 2 รูป

ทั้งนี้พบว่าว่าหลักฐาน และข้อมูลต่างๆ ที่นำมาร้องเรียนเป็นความจริง จะถือว่าเป็นเป็นการสั่นสะเทือนวงการพระพุทธศาสนาของจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากปัจจุบันพบว่า เจ้าคณะสงฆ์ ในเชียงใหม่มีการแบ่งกลุ่มแบ่งสายกันอย่างชัดเจน และบางครั้งก็เกิดข้อขัดแย้งในการแต่งตั้งหรือดำรงตำแหน่งหลายๆ อย่าง ตั้งแต่เจ้าอาวาสวัดไปจนถึงเจ้าคณะสงฆ์พระเถระชั้นผู้ใหญ่ด้วย