ตำรวจเผยหนุ่มโย่งบุกเดี่ยวจี้ชิงเงินธนาคาร เคยต้องคดีจนถูกจำคุกมาแล้วถึง 2 ครั้ง เหตุจูงใจในการก่อเหตุเพราะติดหนี้จากการเล่นพนันออนไลน์-หวย
วันที่ 6 ต.ค.60 เวลา 16.00 น. พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค2กล่าวถึงประวัติเกี่ยวกับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุจี้ชิงเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ และสามารถทำการจับกุมได้ในครั้งนี้ว่า ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุชิงทรัพย์มาก่อนแล้ว จนถูกศาลสั่งให้จำคุกเป็นเวลา 6 ปี และยังเคยขับรถแท็กซี่ประสบอุบัติเหตุ จนรถพลิกคว่ำทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บสาหัส ศาลจึงตัดสินให้จำคุกอีกเป็นเวลา 6 เดือน โดยคนร้ายมีเหตุจูงใจในการก่อเหตุเพราะติดหนี้จากการเล่นพนันออนไลน์ และยังมีหนี้สินจากการแทงหวยด้วย
“หลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถหลบหนีไปทาง อ.องครักษ์ จ.นครนายก และกลับไปที่บ้าน ในเขต อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ซึ่งคนร้ายมีความชำนาญในเส้นทางและพื้นที่เป็นอย่างดี เนื่องจากเคยเข้ามาทำงานอยู่ที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งในพื้นที่บริเวณนี้ จากนั้นในช่วงเวลากลางคืนจึงได้หลบหนีออกไปยังในเขตพื้นที่แหลมฉบัง จ.ชลบุรี เนื่องจากมีคนรู้จักอยู่ที่นั้น จนถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทีมสืบสวนได้ใช้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่เก็บได้จากพื้นที่ต่างๆ ตามรายทางในการแกะรอยหาตัวคนร้ายในครั้งนี้” พล.ต.ท.จิตติ กล่าว
ด้านพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ. ตร.กล่าวหลังการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่าได้เงินไปเพียงแค่ 3 แสนบาท ส่วนการติดตามตรวจสอบหรือเรียกคืนเงินของกลางที่ยังไม่ครบจำนวนนั้น ก็ยังต้องมีการตรวจสอบกันต่อไปว่าเอาไปใช้ที่ไหนอย่างไร และจะตรวจสอบไปยังธนาคารต่างๆ ด้วย ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุแต่เพียงผู้เดียว โดยที่ไม่ได้มีการวางแผนมาก่อนล่วงหน้า เพียงแต่ขับรถวนเวียนผ่านอยู่ประมาณ 2 รอบ ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปก่อเหตุในรอบที่สามพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าว
ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า ผู้ต้องหารายนี้เคยเข้ามาเช่าห้องพักของนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่ง อยู่ในพื้นที่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนักเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เพื่อมาคอยดูลาดเลาเมื่อช่วงปีที่แล้ว จนคนในพื้นที่จดจำรูปพรรณและใบหน้าของคนร้ายได้ จึงทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสืบสวนติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด ชาวบ้านในพื้นที่เผย
ด้านพ.ต.อ.ชาติพรรณ์ ศรีอภิรมย์ ผกก. สภ.ฉิมพลี อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า สำหรับนายร่มโพธิ์ แสวงหา อายุ 34 ปี ผู้ต้องหารายนี้นั้นปกติเป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา และมีอาชีพขายดอกไม้พวงมาลัย ให้แก่ผู้คนที่มาทำบุญกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยู่ภายในบริเวณวัดป่าคลอง 11 เขตพื้นที่ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี และยังยอมรับด้วยว่า ที่เขาต้องเสียผู้เสียคนเพราะว่าติดการพนันอย่างหนัก จนต้องพูดจาโกหกต่อภรรยาอยู่หลายครั้ง
จนทำให้เกิดการทะเลาะกันขึ้นอยู่เป็นประจำกับภรรยา ทำให้ครอบครัวเริ่มเกิดความแตกแยก โดยที่ภรรยาซึ่งไม่ได้มีบุตรด้วยกันนั้น ได้พยายามที่จะขอบอกเลิกไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยมาแล้วหลายครั้ง ขณะที่ผู้ต้องหาได้เคยมาเช่าห้องพักอยู่ในพื้นที่จริง และเคยเข้าไปเปิดบัญชีและใช้บริการอยู่ภายในธนาคารแห่งนี้อยู่บ่อยครั้งเป็นประจำด้วย จึงรู้พื้นที่ทั้งภายในภายนอกและเส้นทางการหลบหนีเป็นอย่างดี