Daily Market Outlook (29 ก.ย.60)

Daily Market Outlook (29 ก.ย.60)

มุมมองบวกอย่างระมัดระวัง

คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบวันนี้ นักลงทุนกลับมาพิจารณาความเป็นไปได้ของแผนปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐล่าสุดที่ออกมากลาง ๆ ในขณะที่ความเคลื่อนไหวของตลาดการเงินโลกน่าจะชะลอลงก่อนสิ้นไตรมาส ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ส่วนใหญ่เป็นบวก กระทรวงการคลังเห็นพ้องกับ ธปท. เศรษฐกิจไทยปีนี้โตได้ 3.8% สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย มองว่า ICAO มีโอกาสสูงที่จะยกเลิกธงแดงที่ให้กับมาตรฐานความปลอดภัยทางการบินของไทย กลาง ต.ค. รายรับของรัฐบาล 11 เดือนแรกเกินเป้า

 

หุ้นเด่นวันนี้: ANAN (ราคาปิด 5.60 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายของ AWS ที่ 7.40 บาท)

เราเลือก ANAN เป็น pick of the day โดยคาดว่า ANAN จะได้รับประโยชน์ในภาวะอัตราดอกเบี้ยในประเทศต่ำ และโอกาสที่ภาครัฐจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศในช่วง พ.ย.นี้ ปัจจุบัน ธนาคารมอบสิทธิ์พิเศษเป็นดอกเบี้ยต่ำ สำหรับโครงการที่มีทำเลดี ติดแนวรถไฟฟ้า เช่น ดอกเบี้ยต่ำราว 2.8%-3.0% ใน 3 ปีแรก  เราคาดหวังว่าผลประกอบการของบริษัทจะดีขึ้นโดดเด่นในช่วง 2H60 อย่างมาก เนื่องจากเริ่มมียอดโอนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วง 2H60 โดยคาดการณ์ว่าไตรมาส 3/60 จะมียอดโอนราว 3,679 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34%QoQ ส่วนไตรมาส 4/60 จะมียอดโอนเข้ามามากที่สุดถึง 16,389 ล้านบาท ดังนั้นกำไรหลักประมาณ 60% ของทั้งปีคาดว่าจะไปตกอยู่ในช่วงไตรมาส 4/60  เราคาด ANAN มีกำไรสุทธิปี 2560 เท่ากับ 2,154 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43%YoY และกำไรสุทธิปี 2561 เท่ากับ 3,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46%YoY เราจึงเห็นว่า ANAN มีการเติบโตของกำไรสุทธิช่วงครึ่งปีหลังดีที่สุดตัวหนึ่งในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์  Price Pattern ของ ANAN มีความแข็งแกร่งอยู่ในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal บ่งบอกถึงการทำ New High โดยมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 5.90 บาท ทั้งนี้ ANAN มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 5.50 บาท (Resistance: 5.65, 5.75, 5.80; Support: 5.55, 5.50, 5.40)       

 

ปัจจัยสำคัญ                                                                                                       

ประเด็นในประเทศ:

  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดการณ์ GDP ของปีนี้ที่ +3.8% สอดคล้องกับตัวเลขจากธนาคารแห่งประเทศไทย โดยหลักแล้วมาจากตัวเลขการส่งออกที่ดีขึ้น โดยทางหน่วยงานจะพิจารณาเรื่องตัวเลขคาดการณ์อีกครั้งในเดือนหน้า (บางกอกโพสต์)
  • ลุ้นปลดธงแดง กรมการบินพลเรือนมองว่ามีโอกาสที่ได้จะถูกปลดจากรายชื่อธงแดงของ ICAO (International Civil Aviation Organization) จากการที่ทาง ICAO เห็นถึงการพัฒนามาตรฐานความปลอดภัย ทั้งนี้ผลจะออกมากลางเดือนตุลาคมนี้ (บางกอกโพสต์)ความเห็น: เป็นผลบวกต่อหุ้นการบิน เช่น AAV, BA และ THAI
  • รายได้ภาครัฐสูงกว่าเป้าหมายใน 11 เดือนแรก โดยอยู่ที่ 2.13 ล้านล้านบาทสูงกว่าเป้า 1.96 พันล้านบาท โดยได้รับผลมาจากกรมสรรพสามิต และรัฐวิสาหกิจที่รายได้ดีกว่าคาด ซึ่งชดเชยภาษีมูลค่าเพิ่มที่ออกมาไม่ดีนัก (บางกอกโพสต์)

ต่างประเทศ:

  • อัตราผลตอบแทนสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันพฤหัส จากการที่นักลงทุนลดการถือครองพันธบัตรเนื่องจากแผนปฏิรูปภาษีของปธน.ทรัมป์ทำให้นักลงทุนกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการขาดดุลการคลังและเงินกู้ยืมที่จะเพิ่มขึ้น  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 2.4 bps ที่ระดับ 2.3335% แตะระดับสูงสุดในช่วง 11 สัปดาห์ (รอยเตอร์)
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินหลักเมื่อวันพฤหัส เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรหลังจากดอลลาร์ปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ก่อนสิ้นสุดไตรมาส ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปิดลบ 23% ที่ระดับ 93.143  ทั้งนี้ ดัชนีฯ มีผลการดำเนินงานแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 3 วันในช่วง 9 เดือนและยังเพิ่มขึ้นประมาณ 1% ในสัปดาห์นี้ (รอยเตอร์)

สหรัฐ:

  • ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันพฤหัส เนื่องจากนักลงทุนยังมีความหวังว่าปธน.โดนัลด์ ทรัมป์จะทำให้แผนปฏิรูปภาษีมีความคืบหน้า อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของตลาดถูกสกัดจากหุ้นที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์และการประเมินมูลค่าหุ้นที่สูงขึ้น  ค่าพีอีล่วงหน้าของดัชนี S&P500 อยู่ที่ 9 เท่าเทียบกับค่าพีอีเฉลี่ยระยะยาวที่ 15.1 เท่า (รอยเตอร์)
  • รัฐสภาสหรัฐจะลงมติเกี่ยวกับงบประมาณการคลังในสัปดาห์หน้า (5 ต.ค.) ตามที่นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนสภาราษฎรสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันพฤหัส  และเขากล่าวเพิ่มว่าการผ่านกฎหมายเกี่ยวกับการใช้จ่ายของรัฐบาลจะช่วยเคลียร์ทางสำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับภาษี  ทั้งนี้ การผ่านมติเกี่ยวกับงบประมาณ สภาคองเกรสจะปลดล็อคเครื่องมือทางกฎหมายซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าคือการทำบัญชีกระทบยอด (reconciliation) ซึ่งพรรครีพับลิกันจำเป็นต้องผลักดันการออกกฎหมายภาษีผ่านวุฒิสภาซึ่งมีเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่ 51 เสียง  พรรครีพับลิกันคุมเสียงในวุฒิสภาในสัดส่วน 52-48 และต้องการเสียงสนับสนุน 60 เสียงเพื่อให้ผ่านการพิจารณากฎหมายดังกล่าวโดยไม่ต้องใช้วิธี reconciliation (รอยเตอร์)
  • เศรษฐกิจสหรัฐไตรมาส 2/60 ขยายตัวเร็วกว่าที่คาดเล็กน้อยเป็นการขยายตัวเร็วที่สุดในรอบกว่า 2 ปี แต่มีแนวโน้มชะลอตัวในไตรมาส 3/60 เนื่องจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์และเออร์มาGDP ขยายตัว 1% YoYในไตรมาส 2/60 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่มีรายงานว่าขยายตัว 3.0%  GDP ไตรมาส 1/60 ขยายตัว 1.2%  ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า GDP ไตรมาส 2/60 จะขยายตัว 3.0% (รอยเตอร์)
  • จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว สะท้อนผลกระทบจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์และเออร์มา โดยเพิ่มขึ้น 12,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 272,000 ราย สูงกว่านักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ270,000  ราย ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย ติดต่อกัน 134 สัปดาห์ ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970 (รอยเตอร์)

ยุโรป:

  • หุ้นยุโรปปิดผสมเมื่อวันพฤหัส แต่ยังอยู่ใกล้จุดสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์ หนุนโดยแผนปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แม้จะมีความกังวลว่าแผนดังกล่าวจะทำได้จริงหรือไม่ก็ตาม (Reuters)

เอเชีย:

  • นายกรัฐมนตรีชินโซะ อาเบะของญี่ปุ่นได้ประกาศยุบสภาในวันพฤหัสและประกาศวันเรื่องตั้งในวันที่ 22 ต.ค. โดยเสียงสนับสนุนที่ดีในช่วงเดือนที่ผ่านมาน่าจะทำให้พรรค LDP ของเขาได้รับเสียงข้างมากในสภา (รอยเตอร์)
  • ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นออกมาดีแต่ยอดค้าปลีกออกมาต่ำกว่าคาด ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม +2.1% MoMในเดือนสิงหาคม เทียบกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ +1.9% ส่วนในเดือนกรกฎาคมนั้น -0.8% จากผลสำรวจนั้นคาดว่าจะ -1.9% ในเดือนกันยายน และ +3.5% ในเดือนสิงหาคม ขณะที่ยอดค้าปลีก +1.7% YoYในเดือนสิงหาคม เพิ่มกับคาดการณ์ว่าจะ +2.6% (รอยเตอร์)
  • ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) +0.7% YoYในเดือนสิงหาคม ซึ่งเพิ่มติดกันเป็นเดือนที่ 8 แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับBOJ ที่ต้องการให้เงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ +2% ในส่วนของตัวเลขคาดการณ์ในเดือนสิงหาคม และ ตัวเลขจริงในเดือนกรกฎาคมนั้นอยู่ที่ +0.5%(รอยเตอร์)
  • หุ้นจีนไม่ได้เปลี่ยนแปลงในวันพฤหัสที่ผ่านมา จากการที่กำลังรอตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3 และใกล้ช่วงวันหยุดวันชาติในวันอาทิตย์ โดยสัปดาห์หน้าจะเป็นวันหยุดของจีนทั้งสัปดาห์ (รอยเตอร์)

สินค้าโภคภัณฑ์:

  • ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง 1% ในวันพฤหัสบดีโดยหลุดออกจากจุดสูงสุดเมื่อเทียบกับปี 2558 ในช่วงต้นสัปดาห์ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงที่ 58 เซนต์ (-1%) เป็น 51.56 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ราคาลง 49 เซนต์ (-0.9%) ปิดที่ 57.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล(รอยเตอร์)
  • ราคาทองคำเด้งจากจุดต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาเนื่องจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยราคาทองคำขึ้น 5% ที่ 1,286.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์หลังจากแตะระดับที่ 1,277.26 เหรียญซึ่งเป็นจุดต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. นอกจากนี้ราคาสัญญาล่วงหน้าทองคำสหรัฐฯส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 0.90 เหรียญสหรัฐฯ (+ 0.1%) ที่ 1,288.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์(รอยเตอร์)