ไฟไหม้ศาลาการเปรียญ อายุกว่า100ปีวอดทั้งหลัง

กรณีไฟไหม้ ศาลาการเปรียญ วัดโพธิ์คำ ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำก่ำเหนือ หมู่ 10 ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ร.ต.อ.พิชิตชัย รูปคม พนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม จ.นครพนม ได้รับแจ้งจากพระครูโพธิสุวรรณกิจ เจ้าอาวาสวัด จึงเดินทางไปพร้อมกับ พ.ต.อ.วัชรพงษ์ ฉายวัฒนะ ผกก. สภ.ธาตุพนม พร้อมพนักงานสอบสวน และรถดับเพลิงจากเทศบาล ต.น้ำก่ำ 2 คัน เทศบาล ต.ธาตุพนม 2 คัน เร่งระดมน้ำดับเพลิงไฟที่กำลังโหมไหม้ศาลาการเปรียญที่สร้างจากไม้ทั้งหลัง ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง จึงสามารถสกัดเพลิงอยู่ในวงจำกัดโดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 27 กันยายน 2560

สอบสวนทราบว่า ศาลาหลังดังกล่าว สร้างเมื่อ พ.ศ. 2498 ใช้เป็นอาคารเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรม และกำลังปรับปรุงซ่อมบำรุง ก่อนเกิดเหตุมีลูกศิษย์วัดนั่งต้มอาหารสำเร็จรูป บริเวณหน้ากุฏิเจ้าอาวาส ซึ่งตั้งอยู่ตรงหน้าศาลาการเปรียญ ได้ยินเสียงดังตูมพร้อมควันไฟขึ้นที่ตู้ไฟใหญ่ในศาลา ไม่นานมีเปลวไฟประทุขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงรีบวิ่งไปแจ้งแก่เจ้าอาวาสที่กำลังจำวัดและโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จะตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

วัดโพธิ์คำเป็นวัดเก่าแก่ สร้างเมื่อปี พ.ศ.2418 มีสิ่งก่อสร้างถาวรวัตถุ สถาปัตยกรรมบางแห่งมีลักษณะโดดเด่นสวยงามเป็นโบราณวัตถุสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยขึ้นทะเบียนกรมศิลป์ เลขที่ 0003503 วันที่20 พฤษภาคม 2541 เล่ม 115 นอกจากนี้ยังมีโบสถ์(สิม)ทึบก่ออิฐถือปูน ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง(ฮูปแต้ม) สร้างเมื่อ พ.ศ.2476 เหมือนกับภาพจิตรกรรมฝาผนังส่วนกลาง สมัยรัชกาลที่5แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยช่างชาวญวน พร้อมพระเณรและชาวบ้านน้ำก่ำ มีลักษณะจิตรกรรมระหว่าง กรุงเทพผสมล้านช้าง เขียนด้วยสีฝุ่น เป็นเรื่องเล่าพุทธประวัติ สุริยวงศ์ พระมาลัย พระป่าเลไลย์ รามเกียรติ์ โดยช่างเขียนคือสองพี่น้อง ชื่อนายลี และนายบุญปันน้องชาย นามสกุลชะปราณ ใช้เวลาในการวาดแต้ม ประมาณปีเศษๆ จึงแล้วเสร็จจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ศาลาการเปรียญครั้งนี้ จึงเป็นการสูญเสียโบราณวัตถุของชาวพุทธที่ประเมินค่ามิได้