นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวยอมรับกับคำพิพากษาของศาลที่ออกมา และตนพร้อมที่จะรับกับทุกอย่าง แต่จำนวนเงินมากถึง 522 ล้านบาทที่ต้องชดใช้ให้กับ ทอท. นั้นในทางคดีเป็นเรื่องที่กรมบังคับคดีจะต้องดำเนินการกับผู้ที่ศาลพิพากษา แต่ส่วนตัวตนไม่มีเงินหรือทรัพย์สินจำนวนมาก ดังนั้นความเป็นไปได้คือเข้าสู่กระบวนการฟ้องล้มละลาย
เรื่องนี้ผมทำใจได้แล้ว ไม่ได้เศร้าอะไรมาก เพราะอะไรจะเกิดต้องเกิด สิ่งที่พวกเราทำนั้นไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่เพื่อประโยชน์ของประเทศ ประชาชนและราชบังลังก์ สิ่งที่พันธมิตรทำวันนั้นก็เหมือนการจุดเทียนเล่มแรก หากคิดไปถึงวันนั้นผมภูมิใจกับที่ได้ทำหน้าที่ หากไม่มีวันนั้น ก็คงไม่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วันนี้ นายสมเกียรติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากับสิ่งที่พันธมิตรฯ ทำและบทสรุปวันนี้ จะบั่นทอนกระบวนการต่อสู้ของประชาชนในอนาคตหรือไม่ นายสมเกียรติ กล่าวว่า อาจมีผลอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าจะเป็นช่วงแรกเท่านั้น เพราะอนาคตหากประชาชนเจอวิกฤตทางด้านเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง และถูกทุนสามานย์รุกคืบเอาประโยชน์เข้าตัวเองมากไป การรวมพลังของประชาชนย่อมเกิดขึ้นได้ แต่ตนไม่รับประกันว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ในปัจจุบัน ขณะที่ความรู้สึกส่วนตัวนั้นไม่รู้สึกบั่นทอนพลังการต่อสู้ เพราะตนยืนยันจะสู้ไปจนกว่าลมหายใจสุดท้ายจะหมดลง
ด้านนายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่าตนยังไม่ทราบคำพิพากษาของศาล ดังนั้นขอปรึกษาและพูดคุยกับทนายความก่อน ส่วนแกนนำพันธมิตรฯ ที่ศาลสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหาย จะนัดประชุมกันเพื่อคุยรายละเอียดเกี่ยวกับคดีหรือไม่นั้น ตนยังตอบไม่ได้ เพราะเพิ่งทราบข่าวคำพิพากษาของศาลเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา
