เฮ!! ส่งออกเดือนส.ค.โตสูงสุดในรอบ 55 เดือน

เฮ!! ส่งออกเดือนส.ค.โตสูงสุดในรอบ 55 เดือน

"พาณิชย์" เฮ!! ส่งออกเดือน ส.ค.โต 13.2% สูงสูดในรอบ 55 เดือน ขณะที่ตัวเลข 8 เดือนขยายตัว 8.9% สูงสุดในรอบ 6 ปี

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนสิงหาคม 2560 มีมูลค่า 21,224 ล้านดอลลาร์ หรือเติบโต 13.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 55 เดือน ขณะที่การส่งออกในช่วง 8 เดือน (มกราคม-สิงหาคม) มีมูลค่า 153,623 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8.9% สูงสุดในรอบ 6 ปี

ขณะที่การนำเข้าในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามีมูลค่า 19,134 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 14.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ 8 เดือน การนำเข้ามีมูลค่า 144,750 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 15.4% ส่งผลให้ดุลการค้าในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเกินดุล 2,090 ล้านดอลลาร์ และ 8 เดือน เกินดุล 8,873 ล้านดอลลาร์

สำหรับการส่งออกในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ขยายตัวดีในทุกตลาด โดยเฉพาะตลาดจีน CLMV ญี่ปุ่น และสหรัฐ ที่เติบโตในระดับสูง ขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตรเริ่มขยายตัวดีทั้งจากปริมาณและราคา ได้แก่ ยางพารา น้ำตาลทราย และไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ขณะที่การส่งออกข้าว และผัก ผลไม้สดแช่แข็งและแปรรูปขยายตัวได้ดีจากด้านปริมาณเป็นสำคัญ สำหรับกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยสินค้าที่มีการขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และแผงวงจรไฟฟ้า

โดยในปีนี้ กระทรวงพาณิชย์มั่นใจว่า การส่งออกจะเติบโตได้ที่ระดับ 7% อย่างแน่นอน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 6% ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าขยายตัวดีต่อเนื่อง เห็นได้จาก

"เรามองว่า มีโอกาสแน่นอนที่ส่งออกจะเติบโตได้ 7% จากเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาส่งออกมีมูลค่าสูงถึง 21,000 กว่าล้านดอลลาร์ เนื่องจากหากจะส่งออกทั้งปีให้ได้ตามเป้านั้น ตัวเลขการส่งออกจะอยู่ที่ประมาณ 19,210 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม มองว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในปัจจุบันนั้น ไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการส่งออกในปีนี้ เนื่องจาก ที่ผ่านมา การค้าขายได้ทำสัญญาและตกลงราคาล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงไว้เรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งที่น่าจับตาคือ หากค่าเงินบาทในระยะต่อไปยังแข็งค่าอยู่ที่ 33-34 บาทต่อดอลลาร์ อาจทำให้ตัวเลขการส่งออกที่ออกมานั้นในปี 2561 ไม่สวยเท่าปีนี้" นางอภิรดี กล่าว

ทั้งนี้ แนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้นั้น มองว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เติบโตดี โดยเฉพาะจีน และสหรัฐ รวมถึงภูมิภาคเอเชีย อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จะทำการตลาดในประเทศอื่นๆ หรือหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้สถานการ์ราคาน้ำมันดิบที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นนั้น จะส่งผลดีต่อมูลค่าการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยจะเป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เช่น น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และยางพารา

อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินบาทนั้น คาดว่าไม่น่าจะส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออก เนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาทนั้นเกิดขึ้นในทิศทางเดียวกับภูมิภาค แต่ยอมรับว่า ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม