พ่อแม่ทหารกล้าใจสลาย! เผยลูกรักการเป็นทหาร

พ่อแม่ทหารกล้าใจสลาย! เผยลูกรักการเป็นทหาร

พ่อแม่ทหารกล้าใจสลาย! เผยลูกรักการเป็นทหาร

จากกรณีโจรใต้ ลอบวางระเบิดซ้ำซ้อน ในระหว่างที่ ทหารพราน ชุดดีโอดี ชุดเก็บกู้ศรศึก-ศรชัย ภ.จว.ยะลา รวมไปถึงนักข่าว กำลังเข้าตรวจสอบเหตุลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้า บริเวณบ้านลาเตอะ บ้านย่อยบ้านลาแล ม.5 ต.กาบัง อ.กาบัง ส่งผลทำให้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกสะเก็ดระเบิดหลายสิบราย ซึ่งในจำนวนนี้ ส.ต.ธเนตร พุทโท สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 ทนพิษบาดแผลไม่ไหว และเสียชีวิตในเวลาต่อมานั้น

21761579_10155747018402855_8364439670300634632_n

ล่าสุดวันนี้ (15 ก.ย.60) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดท่าจันทร์ หมู่ 3 ต.บ้านแดน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นสถานที่สวดพระอภิธรรมศพให้กับ ส.ต.ธเนตร ที่เสียชีวิตจากเหตุก่อความไม่สงบในพื้นที่ จ.ยะลา โดยภายในสถานที่ดังกล่าว พบ นายพีรภัทร พุทโท อายุ 54 ปี และนางศรีอัมพร บุญเพชรอายุ 48 ปี บิดา-มารดาของทหารผู้กล้า ต่างกำลังช่วยจัดแต่งสถานที่งานศพให้กับบุตรชาย ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัว ญาติพี่น้อง รวมถึงเพื่อนฝูงของ ส.ต.ธเนตร ที่เดินทางมาให้กำลังใจนายพีรภัทรและนางศรีอัมพร ที่วัดอย่างต่อเนื่อง

นางศรีอัมพร มารดาของ ส.ต.ธเนตร เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตนมีอาชีพขายเปิดร้านขายอาหารตามสั่งอยู่ที่กรุงเทพฯ ส่วนสามีป่วยเป็นโรคเบาหวาน ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน โดยมีบุตรสาวอีกคนเป็นผู้ดูแล ซึ่งปัจจุบัน ก็มีเพียง ส.ต.ธเนตร ที่เป็นเสาหลัก ส่งเงินเดือนมาช่วยเหลือจุลเจือไว้เป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัวทุกเดือน จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (14 ก.ย.60) มาทราบข่าวบุตรชายต้องสังเวยชีวิตให้กับเหตุก่อความไม่สงบในพื้นที่ จ.ยะลา ตนถึงกับหัวใจสลาย เป็นลมล้มพับ ไปต่อหน้าต่อตาลูกค้าที่มารับประทานอาหาร จนต้องรีบเข้ามาช่วยตน ก่อนจะตั้งสติได้ รีบโทรศัพท์ไปหาสามี และสามีก็ช็อกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน และตนก็รีบเดินทางกลับบ้านเพื่อมาจัดงานในการเตรียมรอรับศพบุตรชาย

“ก่อนหน้าที่ ส.ต.ธเนตร จะมาเป็นทหารรับใช้ชาติ เขามีจิตใจชอบช่วยเหลือคนจน ผู้เดือดร้อน ผู้ยากไร้ รวมไปถึงหมา แมวอยู่แล้ว จนถึงขนาดไปสมัครเป็นอาสาสมัครกู้ภัยของป่อเต็กตึ้ง และต่อมา ก็สมัครเป็นทหารเกณฑ์ไปประจำอยู่ที่ชายแดนภาคใต้ กระทั่ง ปลดประจำการ จึงไปเรียนสอบเป็นทหารต่อ และกลับไปประจำอยู่ในชายแดนภาคใต้อีก ซึ่งก็ไปทหารประจำอยู่ที่นั่นมาร่วม 5 ปีแล้ว ตอนแรกที่รู้ว่าลูกจะต้องเป็นทหาร และกลับไปประจำอยู่ชายแดนภาคใต้ ตนรู้สึกเป็นห่วง และไม่เห็นด้วย แต่ในเมื่อลูกมีใจรักและอยากรับใช้ประเทศชาติ ตนก็ไม่ได้ขัดใจอะไร และจะคอยโทรศัพท์พูดคุยเตือนลูกอยู่เสมอให้ระมัดระวัง ด้วยความเป็นห่วง แต่ลูกก็จะบอกกลับมาเสมอว่า ถ้าต้องตายในหน้าที่ ก็ถือว่าพลีชีพอย่างเป็นเกียรติในการรับใช้ประเทศชาติ”

นางศรีอัมพร กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากครอบครัว มีฐานะยากจน และไม่ค่อยมีเงินเก็บ เนื่องจากเงินเดือนส่วนหนึ่งที่ ส.ต.ธเนตร ส่งมาผสมกับเงินของตนที่ทำมาค้าขาย จะถูกนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายรักษาสามี ค่าใช้จ่ายของน้องสาวที่ยังเล่าเรียนอยู่ และค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ซึ่งต่อเดือนแทบจะไม่มีเงินเหลือเก็บ จึงต้องจำใจไปขอกู้ยืมเพื่อนบ้าน จำนวน 30,000 บาท มาเป็นค่าจัดงานศพให้กับบุตรชายก่อน ส่วนเหตุความรุนแรงทางชายแดนภาคใต้ ที่ล่าสุดต้องทำให้บุตรของตนเองเสียชีวิต ก็อยากจะฝากไปถึงผู้ก่อความรุนแรง ให้นึกถึงใจเขาใจเราให้มาก และอยากให้รู้สึกถึงหัวอกคนเป็นพ่อแม่ที่ต้องใจสลาย มาเสียบุตรชายไปกับเหตุความรุนแรงนี้ แม้ตนและสามี รวมถึงครอบครัวจะยังทำใจไม่ได้ แต่ก็อยากจะภาวะนาขอให้เป็นความรุนแรงครั้งสุดท้าย