เล่นไป อย่าให้ใครโกง

เล่นไป อย่าให้ใครโกง

มาร่วมกันค้นหาคำตอบการคอร์รัปชันจากบอร์ดเกม The Trust

...................................

 “มีคนบอกว่า การต่อต้านคอร์รัปชันเป็นปัญหาคลาสสิก ไม่สามารถแก้ได้ เราเชื่อว่าแก้ได้ แต่ต้องหาแนวร่วม และคงดีกว่าหาคนหน้าเดิมๆ มาคุยกัน เพื่อแก้ปัญหานี้” ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในวันเปิดตัวบอร์ดเกมเพื่อสังคม

ส่วนแนวทางใหม่ที่อาจารย์สมเกียรติพยายามทำ  น่าจะเป็นอีกแรงในการกระตุ้นให้เห็นว่า เราต้องช่วยกันตรวจสอบการคอร์รัปชัน

“ในอดีตเชื่อกันไปแล้วว่า นักการเมืองคอร์รัปชันได้ แต่ขอให้มีโครงการออกมา เท่าที่ปรากฎไม่มีการคอร์รัปชันใด ไม่ก่อให้เกิดต้นทุนประชาชน”

แม้คนค่อนประเทศจะเชื่อเช่นนั้น แต่ก็มีคนคิดต่าง...

1

“เพราะประเทศไทยมีการตรวจสอบที่อ่อนแอมาก ทำให้เกิดการคอร์รัปชันสูง” แดนนี่-โสรวาร ศิริพงศ์ปรีดา นักศึกษาปริญญาโท ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้พัฒนาเกม The Trust ร่วมกับ ภาสกร ยูถะสุนทร์ (ต้า) และจิรายุ กานต์ปริยสุนทร (คิว) ในนามบริษัท บลูสเปล จำกัด กล่าว

เมื่อมีการประกวดบอร์ดเกมในเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชัน พวกเขาได้พัฒนาเกมThe Trust เล่นไป อย่าให้ใครโกง ร่วมประกวดจนได้รางวัลชนะเลิศจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และสำนักงานสนับสนุนกองทุนวิจัย (สกว.)

พีระพงษ์ เตชะทัตตานนท์ ผู้จัดการด้านงานสร้างสรรค์และสื่อสารสาธารณะ ทีดีอาร์ไอ บอกว่า ที่ผ่านมา งานของทีดีอาร์ไอไม่เคยมีคนสนใจแชร์และไลค์มากมายขนาดนี้ มียอดตัวเลขคนเข้ามาดูหลักแสน เพราะเราจัดกิจกรรมท้าทายความคิด ประกวดบอร์ดเกม หันมาทำกิจกรรมใหม่ๆ เชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้การคอร์รัปชันผ่านบอร์ดเกม ทำให้เป็นเรื่องสนุกและได้ความรู้

“เป็นการต่อต้านคอร์รัปชันโดยใช้สื่อใหม่ คุยกับคนรุ่นใหม่”

  

2.

“เราตั้งชื่อการ์ดเกมล้อเลียนโครงการภาครัฐ อาทิ รับจำนำข้าวเกรียบ ,เรือดำน้ำอัดลม ,อุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำตา ฯลฯ โครงการที่มีเรื่องอื้อฉาว เราไม่ใช้ชื่อจริง เพราะบางโครงการยังไม่ตัดสิน ซึ่งเราก็คิดว่า เด็กรุ่นใหม่จะได้เรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยผ่านเกม เราไปทดลองให้เด็กๆ เล่นเกมนี้หลายรุ่นแล้ว ”ภาสกร ยูถะสุนทร์ หนึ่งในผู้พัฒนาเกมThe Trust เล่า

หากใครที่ไม่เคยเล่นบอร์ดเกม ก็คงคิดว่าเล่นยาก และเมื่อเกมวางอยู่ตรงหน้า แดนนี่ อธิบายว่า นี่เป็น Party Board Game เล่นง่าย ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที เกมแบบนี้เหมาะกับการพกพาไปเล่นตามที่ต่างๆ

 “บางคนไม่รู้ว่าบอร์ดเกมคืออะไร ก็บอกว่า เกมเศรษฐี จริงๆ แล้วเกมเศรษฐีเป็นตัวอย่างที่แย่มาก การเล่นขึ้นอยู่กับดวง จริงๆ แล้วบอร์ดเกมมีหลายแบบ บอร์ดเกมวางแผนกลยุทธก็มี ไม่ใช่การเสี่ยงโชค แต่ใช้ความคิด เกมที่พวกเราคิดขึ้นเป็นปาร์ตี้เกม เวลาเจอเพื่อน แทนที่จะแฮงค์เอ้าท์กินเหล้า เราก็แฮงค์เอ้าท์เล่นบอร์ดเกม เล่นไป คุยไป”

ระหว่างที่ลองเล่นบอร์ดเกมร่วมกันสี่คน ภาสกร และโสรวาร จะค่อยๆ อธิบายวิธีการเล่นโดยใช้เวลาเกือบชั่วโมง แต่ละคนจะได้อุปกรณ์การเล่น ฉากเล็กๆ เงิน ลูกเต๋า ฯลฯ เมื่อเกมจบ หากใครได้เงินมากที่สุด ก็คือ ผู้ชนะ

“บอร์ดเกมนี้ เราจำลองการจัดซื้อจัดจ้างผ่านการประมูลโครงการ ผู้เล่นจะเล่นได้สองบทบาท คือ โกหกหรือไม่โกหก ถ้าไม่เชื่อใจกันก็ลงการ์ดทนายความฟ้องร้องตรวจสอบได้ และทุกอย่างมีต้นทุน ถ้าฟ้องผิดตัว หากเขาพูดความจริง ก็ต้องเสียเงินให้รัฐ แต่ถ้าจับได้ว่าทุจริต คนที่จับได้ก็ได้เงิน ส่วนใหญ่เกมจะสูสีกัน แต่จะได้เงินมากหรือน้อยอยู่ที่ผู้เล่น”

3.

ความสนุกในการเล่นเกมจะอยู่ที่การคาดเดาว่า คนที่เล่นเกมด้วย...โกงหรือเปล่า แต่ละคนจึงต้องมีศิลปะการสื่อสาร มีจิตวิทยา ทำให้ผู้เล่นคนอื่นตายใจ 

ดังนั้น ผู้ชนะที่ได้เงินมากที่สุด อาจเป็นคนที่ไม่ถูกจับได้ว่าโกง หรือคนที่โกงได้เนียน หรืออาจเป็นคนไม่โกง แต่ใช้วิธีการตรวจสอบจับโกหกคนอื่นได้

“ฟ้องถูกได้เงิน ฟ้องผิดเสียเงิน ทุจริตไม่มีคนตรวจสอบก็ได้เงิน เล่นแต่ละรอบไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยพวกการ์ดนายกรัฐมนตรี การ์ดเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้เล่นแต่ละคนเป็นได้ทั้งผู้ประมูลและผู้ตรวจสอบ เป็นการเล่นกับการโกหกของคน เป็นเรื่องจิตวิทยาอย่างหนึ่ง”โสรวาร เล่า ระหว่างทอดลูกเต๋า และบอกว่า ยังมีตัวช่วย ก็คืือ พรรคพวก รวมถึงการจ่ายใต้โต๊ะ

ระหว่างเกมกำลังเข้มข้น ภาสกร เล่าต่อว่า การเล่นทุกครั้ง ถ้าไม่มีการฟ้องร้อง มันคือการเปิดช่องว่างให้คนโกงลอยนวล

“ถ้าการประมูลงานทุกครั้งมีการตรวจสอบ ก็จะไม่มีใครโกง “ภาสกร เล่า และแดนนี่เสริมว่า

“ผมพยายามเปรียบเทียบเกมกับโลกของความเป็นจริง เกมจำลองสถานการณ์จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ฟังก์ชั่นหลักที่ทำให้เราชนะการคิดเกมก็คือ ผู้ประมูลและการตรวจสอบ ถ้าเราเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นจริงมาใส่ในเกม ไม่สนุกหรอก เกมจะสอนคนได้ ต้องชี้ให้คนเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้น”

เกมจะสนุก แค่ไหนอยู่ที่ผู้เล่น ซึ่งการเรียนรู้การคอร์รัปชันผ่านบอร์ดเกมลักษณะนี้ เป็นอีกมิติในการสร้างองค์ความรู้

“เชคสเปียร์บอกว่า โลกนี้คือละคร เราอยากบอกว่าโลกนี้คือเกม เราจะเล่นเกมกันให้สนุก” ดร.สมเกียรติ กล่าว

เขาเชื่อว่า การทำงานวิจัยเพื่อตอบโจทย์ให้สังคม จำเป็นต้องคิดมุมใหม่

“เราพยายามสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ เรากำลังทำเรื่องเศรษฐศาสตร์เชิงพฤติกรรม ทดลองให้นักเรียนทำข้อสอบและตรวจสอบว่า การสร้างสิ่งแวดล้อมแบบไหน ทำให้คนซื่อสัตย์ และแบบไหนทำให้คนไม่ซื่อสัตย์ เมื่อไม่นานนี้งานวิจัยบางเรื่อง รัฐได้นำไปใช้ ทำให้เกิดกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างฉบับใหม่ และเครื่องมือนโยบายใหม่ๆ การทบทวนกฎระเบียบโครงการ เพื่อลดโอกาสคอร์รัปชัน และลดต้นทุนการทำธุรกิจต่างๆ ”

แม้จะผลักดันให้เกิดความโปร่งใสในเชิงนโยบายได้บ้าง แต่สิ่งที่ดร.สมเกียรติ เป็นห่วงมากที่สุด ก็คือ อยากให้ประชาชนเข้าใจเรื่องการคอร์รัปชันมากขึ้น การคอร์รัปชันไม่ใช่เรื่องคนดี หรือคนไม่ดี

“ถ้าประชาชนไม่เข้าใจเรื่องการคอร์รัปชัน ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิผล เราสรุปสมการคอร์รัปชันไว้ว่า ระบบที่ดีต้องมีสามอย่างคือ การผูกขาดน้อยที่สุด,มีความโปร่งใสสูง และมีอำนาจดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐน้อยที่สุด”

 

.......................

(((แค่คิด ก็สนุกแล้ว)))

ภาสกร :   พวกผมไม่เคยออกแบบเกมใดๆ เลย แต่เล่นเกมมาเยอะ ก็เลยรู้ว่า กลไกในการสร้างเกม โจทย์ครั้งนี้ ก็คือ การต่อต้านคอร์รัปชัน

โสรวาร:   เราตีความง่ายๆ คอร์รัปชัน ก็คือ การโกหก เพราะพวกเราชอบเล่นบอร์ดเกม เราก็มาคิดกันว่า การโกหกคืออะไร ธรรมชาติของปาร์ตี้เกมก็คือการโกหก ต้องมีจิตวิทยา โดยมีอุปกรณ์คือ การ์ด แต่การโกหกอยู่ที่ผู้เล่น ปาร์ตี้เกมจะสนุกหรือไม่สนุกอยู่ที่กติกา ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถโกหกได้ เมื่อเราศึกษาเรื่อง คอร์รัปชัน ก็พบว่า มันคือการประมูลงาน และพวกเราชอบเล่นเกม ยิ่งเล่นเยอะก็ยิ่งอยากมีเกมของตัวเอง เมื่อเล่นแล้วสนุก ก็อยากให้คนอื่นเล่นแล้วหัวเราะด้วย

ภาสกร:   ก่อนที่จะเข้าเวิร์คชอปกับนักคิดนักวิจัย พวกผมมองว่า คอร์รัปชันเป็นเรื่องไกลตัวมาก จับต้องไม่ได้ การฟ้องร้องพวกที่โกงจึงเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อได้รับความรู้ ผมก็คิดว่าไม่ได้ยาก ถ้าคุณมีข้อมูล กล้าตรวจสอบไหม

โสรวาร:   ผมเคยจินตนาการว่า วันหนึ่งผมกับพี่ต้าจะได้มานั่งเล่นเกมที่จับโกหกกัน เหมือนกองไพ่เกม The Killer เกมที่พวกผมคิดเน้นอายุ 14 ปีขึ้นไปเล่นได้ ไม่ได้มีเนื้อหาที่อันตรายสำหรับเด็กๆ แต่เราเปิดโอกาสอีกว่า ถ้าเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปีมาพร้อมผู้ปกครอง ก็เล่นได้ เมื่อเล่นไป รู้เห็นแล้ว ก็็จะถามว่า โครงการนี้มาได้ยังไง ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนในครอบครัว

ภาสกร:   ถ้าอายุ 14 ปีขึ้นไป เกมนี้คงไม่ใช่ของเล่นแล้ว ผมมองว่าเป็นสื่อการเรียนรู้ เล่นแล้วได้เรียนรู้ แต่ควรมีคนอธิบาย ผมเคยเอาไปทดลองเล่นในกลุ่มเพื่อนๆ ฮามาก ได้จับผิดซึ่งกันและกัน จากนั้นนำมาปรับอีกหลายรอบ และเคยทดลองให้พ่อแม่วัย 60 เล่น ระหว่างเล่น พ่อแม่ก็บอกว่าการโกหกไม่ดี แต่เล่นไปแล้ว ลูกชนะเพราะโกหก และเกมนี้ไม่ใช่ว่าคนที่โกงจะชนะเสมอไป

โสรวาร:   การเล่นเกมแบบนี้ ไม่เกีี่ยวกับวัย ผมกับพี่ต้าก็คิดต่างกัน เพราะทุกคนโกหกไม่เหมือนกัน เกมประเภทนี้ไม่สามารถคาดเดาได้ ทำให้การเล่นเกมเป็นเรื่องสนุก​

ภาสกร:    กิเลสมีอยู่ทุกคน คนอยากได้ อยากมี อยากเป็น มีเป้าหมายเหมือนกันก็คือ อยากชนะ โกหกได้เนียนก็ได้แต้มสูง เป็นเรื่องศิลปะการโกหก ศิลปะการพูดการคุย ศิลปะการสื่อสาร แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ถ้ามีการตรวจสอบ ก็จะรู้ว่าใครโกหกหรือไม่โกหก นี่คือ คีย์สำคัญ

โสรวาร:   ถ้าเราพูดว่าไปแฮงค์เอาท์กันคือเมาอย่างเดียว นั่นไม่ใช่ทางออกของหลายคน เป็นทางออกของคนประเภทหนึ่ง แต่เราอยากไปแฮงค์เอาท์โดยคุยกับเพื่อนซึ่งไม่ใช่ร้านอาหาร

ภาสกร:    คุยผ่านบอร์ดเกม โดยไม่จำเป็นต้องมีแอลกอฮอล์

โสรวาร:  พอเล่นเกมออนไลน์ เกมมือถือ มาถึงจุดหนึ่ง เราก็อยากเจอเพื่อนมาแฮงค์เอ้าท์ นั่งรวมกันแล้วหยิบเกมมาเล่นคุยกัน เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม อยากคุยกับเพื่อน และนี่คือทางเลือกใหม่ เจอกันที่คาเฟ่บอร์ดเกม จำได้ว่า ตอนที่หลายกลุ่มเอาผลงานวิจัยมาโชว์ บูธพวกผมตะโกนดังๆ ว่า “เล่นเกมครับ” มากันเยอะเลย ไม่ใช่แค่เด็ก ผู้ใหญ่ด้วย ถ้ามาพร้อมความสนุก ใครๆ ก็ชอบ 

และสิ่งที่เกมทำได้คือ สอนประสบการณ์ อย่างเกมที่สอนให้คนเป็นนักดับเพลิง ก็สร้างโลกเสมือนจริงในการดับไฟ ทำให้คนเล่นเห็นภาพนักดับเพลิง ถ้าผู้ใหญ่อยากสอนอะไรก็สร้างโลกอันนั้นออกมา แค่นั้นเอง แต่ถ้าอยากสอนบวกเลขแล้วสร้างเกมบวกเลข แบบนั้นมันน่าเบื่อ