‘จอม’ผู้หลงใหลในเปลือกหอย

‘จอม’ผู้หลงใหลในเปลือกหอย

มนุษย์เรียนรู้สิ่งต่างๆ บนโลกนี้ได้หลากหลายวิธี และผู้ชายก็มีวิธีการเรียนรู้เปลือกหอย โดยไม่จำเป็นต้องเรียนในมหาวิทยาลัย

............................

ถ้าจะบอกว่า เขาคนนี้มีความรู้เรื่องเปลือกหอยติดอันดับต้นๆ ของโลก คงไม่ใช่คำกล่าวที่เกินเลย 

จอม ปัทมคันธิน รู้จักเปลือกหอย ตั้งแต่ย่ำเท้าบนผืนทรายที่หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต เพราะพ่อของเขา (สมนึก ปัทมคันธิน) ซึ่งเป็นทั้งนักธุรกิจและนักสะสมเปลือกหอย คอยให้ความรู้เรื่องเปลือยหอยตั้งแต่เด็ก

ปัจจุบันจอมเป็นทั้งนักสะสมเปลือกหอยระดับโลก จิตรกร วิทยากรด้านเปลือกหอย และนักเดินทาง 

จอมไม่ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่มีโอกาสเรียนรู้เปลือกหอยจากคนหลายชาติหลายภาษา และการแลกเปลี่ยนเปลือกหอย รวมถึงหาความรู้เพิ่มเติมจากหนังสือเปลือกหอยที่มีอยู่ในโลกนี้

ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์เปลือกหอย ที่ภูเก็ตและกรุงเทพฯ เขาได้ถอนตัวจากกิจการ และอีกไม่เกิน 3 ปี จอมจะทำพิพิธภัณฑ์เปลือกหอยของตัวเอง โดยเปิดให้ชมฟรี และที่ผ่านมา เขาและพ่อได้บริจาคเปลือยหอยให้มหาวิทยาลัยและโรงเรียนห่างไกลความเจริญ เพื่อการเรียนรู้ของเยาวชน

และนี่คือบทสนทนาส่วนหนึ่งที่คุยกับ‘จอม’ เรื่องเปลือกหอย

คุณหลงใหลเปลือกหอยตั้งแต่อายุเท่าไหร่

ผมเล่นกับเปลือกหอย ก่อนเล่นของเล่น เกิดมาก็เห็นกองหอยเต็มบ้าน สมัยก่อนมันไม่มีราคา ชาวประมงติดอวนมาก็ทิ้ง ครอบครัวผมก็ซื้อมา สืบหาเรื่องราว มูลค่าเปลือกหอยก็จะเพิ่มตามลำดับ ส่วนใหญ่ผมจะใช้วิธีแลกเปลี่ยนมากกว่า

จะเรียกว่าเป็นนักสะสมเปลือกหอยได้ไหม

เหมือนมีคนถามว่า เปลือกหอยได้มายังไง ผมก็บอกว่าได้มาทุกทาง ซึ่งการสะสมก็มีการแลกเปลี่ยนตามมูลค่า ทำให้ต้องมีเรื่องการค้าเข้ามาเกี่ยว ที่บ้านผมจะระบายเปลือกหอยที่ไม่ใช้ออกไป หาหอยตัวที่พิเศษจริงๆ มาเก็บไว้

แล้วคุณไปหาที่ไหน

อย่างผมไปเวียดนาม ไปตามร้านอาหาร คนเวียดนามกินหอยเยอะมาก ทั้งมีพิษและไม่มีพิษ ผมเห็นก็ตกใจ บางทีเปลือกหอยสามสี่ตันเราก็ไปเลือก ตาดีก็ได้ ได้เปลือกหอยมาผมก็ตั้งราคาแลกเปลี่ยน บางครั้งก็จำหน่ายออกไปบ้าง และจุดประสงค์อย่างหนึ่งของผมกับพ่อคือ เก็บไว้ทำพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ เพราะพิพิธภัณฑ์ที่หาดราไวย์เป็นของคุณอา มีเพียงซากฟอสซิลเปลือกหอยที่เป็นของผม และผมเห็นความสวยงามของเปลือกหอย มากกว่าความหลงใหลชั่วคราว ผมก็เลยกลายเป็นวิทยากรเรื่องนี้

ผมยังจำได้ว่า สมัยเด็กๆ คุณพ่อผม ทูลเกล้าฯถวายเปลือกหอยไปเยอะ ผมมีเพื่อนอยู่มหาวิทยาลัยบูรพา ผมก็บอกเขาว่า ให้เตรียมห้องไว้จะบริจาคเปลือกหอยไว้จัดแสดงให้คนดู หรือมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เราก็ไปทำห้องพิพิธภัณฑ์ให้ และต้องจัดแสดงให้คนชมฟรี ไม่อย่างนั้นไม่ให้ ตอนนี้ผมกำลังทำให้ที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือครูบางคนบอกว่า อยากได้เปลือกหอยไว้สอนเด็ก เราก็ส่งไปให้ และผมได้เขียนหนังสือไว้เป็นหลักฐาน ผมไม่ค่อยมีเวลาทำหรอก ผมแต่งงานมา 6-7 ปียังไม่ได้นอนกับเมียเลย บนเตียงผมมีแต่เปลือกหอย ผมเอามานั่งดู นอนดู บนเตียง

คุณเรียนรู้เรื่องเปลือกหอยตั้งแต่อายุเท่าไหร่

      ผมรู้จักเปลือกหอยตั้งแต่ 9 ขวบ ตอนนั้นมีฝรั่งคนหนึ่งชื่อ Henry P. Roussy มาอยู่หาดป่าตอง มาซื้อเปลือกหอยจากพ่อไปสะสม พ่อก็เลยบอกว่า ถ้าผมขายเปลือกหอยได้จะซื้อของเล่นให้ ผมยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ผมก็เลยเอาความน่ารักแบบเด็กๆ ขายเปลือกหอยให้ฝรั่งคนนั้น ตอนนั้นพ่อเห็นแวว พ่อก็เลยบอก Roussy ว่า ให้เขามาปลูกบ้านในที่ดินของครอบครัวผม โดยไม่คิดค่าเช่า แต่มีข้อแม้ว่า เขาต้องสอนเรื่องหอยให้ผม ตั้งแต่ผมเรียนอยู่ประถมปีที่ 4-มัธยมปีที่ 3 

ผมเดินไปหาเขาทุกวัน เขาสอนหลายเรื่องให้ผม ข้อแรกที่เขาบอกผมคือ “อย่าไว้ใจฝรั่ง ฝรั่งข้ามแผ่นดินมาเพื่อหาผลประโยชน์ ยูอย่าคิดว่า เขามาเพราะรักเรา ฝรั่งมองคนเอเชียและพวกคุณเหมือนลิง ถ้าเขาคุยกับลิงรู้เรื่อง ลิงก็หาของป่ามาให้เขา เขาพูดตรงๆ เพราะเขารักเรา” และข้อสอง “ยูอย่าเชื่อข่าวสารในบ้านเมืองยู เพราะสิ่งที่เกิดในบ้านเมืองยู มีเรื่องที่คนถูกหลอกเยอะมาก ตั้งแต่สูงสุดจนถึงต่ำสุด” เขาบอกอีกว่า ถ้าเขาตายไปแล้ว และผมแก่แล้ว คนไทยจะหูตาสว่าง จะรู้ว่าอะไรจริงหรือเท็จ

      เขาสอนผมเรื่องการสืบค้นข้อมูล อย่าเชื่ออะไร เพราะรักศรัทธาหรือหลงใหลอะไรมากไป คล้ายๆ หลักพุทธศาสนา เขามีหนังสือเยอะมาก แต่เขาสอนผมเฉพาะเรื่องหอยในเมืองไทย ซึ่งผมบอกเขาว่า โลกยังไม่มีพรมแดนเลย ต้องให้ผมเรียนรู้หอยประเทศอื่นด้วย

แล้วเขายอมสอนเรื่องเปลือกหอยของประเทศอื่นไหม

       ไม่ยอม ผมก็เลยหาเปลือกหอยมายั่ว ถามว่าอยากได้ไหม ถ้าอยากได้สั่งหนังสือให้ผม ตั้งแต่อายุ 10-12 ปีผมก็อ่านหนังสือเกี่ยวกับเปลือกหอยแล้ว จริงๆ ผมไม่ได้เก่ง มันเป็นชื่อวิทยาศาสตร์ เป็นความรู้พื้นฐาน

คุณเรียนในระบบการศึกษาด้วยไหม

      ผมก็เรียนในระบบปกติ ตอนมัธยมผมไม่เคยไปเรียนเลย ช่วยงานที่บ้าน นอนดึกตื่นเช้าทำงาน สายๆ ไปเรียนหนังสือ จนมีอยู่วันหนึ่งครูมาด่าพ่อผม และผมเคยตั้งใจว่า จะไปสอบเรียนด้านศิลปะในกรุงเทพฯ พ่อไม่ให้ไปสอบ ผมก็เลยขอพ่อไปลงทะเบียนเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถึงเวลาก็ขึ้นไปสอบ ผมได้ปริญญาตรีด้านภาษาอังกฤษ และปริญญาโทด้านสื่อสารมวลชน

 

ไม่ได้เรียนด้านวิทยาศาสตร์เลย ? 

อาจารย์สมศักดิ์ ปัญหา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ เคยเรียกตัวผมไปเรียน ใจผมก็อยากไปเรียน แต่ไม่สะดวก

เพราะคุณต้องช่วยครอบครัวทำการค้า ?

พ่อผมและผมเกลียดการค้า ผมไม่ชอบคุยเรื่องค้าขาย แต่มันจำเป็น ไม่อย่างนั้นเราไม่สามารถระบายของออกไปได้ ถ้าเราไม่หามาปริมาณมากพอ เราก็ไม่สามารถคัดเลือกหอยตัวพิเศษได้ ทุกๆ ว้ันผมต้องรีบทำงานให้เสร็จเร็วๆ จะได้เอาเวลามาใช้กับสุนทรียศาสตร์ของผม วาดรูป เขียนหนังสือ อ่านหนังสือ และต้องเอาใจใส่ภรรยามากขึ้น ตลอดหกปียังไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย

4 ปีที่แล้วคุณจัดนิทรรศการภาพวาดเปลือกหอย แล้วเป็นไงบ้าง 

 ผมบันทึกเรื่องราวเปลือกหอยไว้เป็นภาพวาด จนได้เปิดนิทรรศการปี 2556 ชื่อ เท่าฝาหอย เพราะผมเดินบนชายหาดกับพ่อ ตั้งแต่เท้าเท่าฝาหอย เวลาหยิบเปลือกหอยมาดู มีเรื่องราวทั้งจักรวาล เชื่อมโยงได้หมด

เวลาวาดรูป สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือ การเรียนรู้สรีระของมัน รู้ตื้นลึกหนาบางว่าสีเป็นยังไง ทำไมหอยต้องมีเปลือก เพราะมันไม่มีกระดูกสันหลัง มันก็เลยทำเกลียวหอยของมันขึ้นมา คนกระดูกอยู่ด้านใน หอยมีกระดูกอยู่ด้านนอก

ถ้าเรารู้สรีระหอยก็จะวาดได้ถูกต้อง ผมเห็นศิลปินวาดรูปหอยเพี๊ยนหมด เพราะเขาไม่ได้ศึกษาสรีระมัน จึงเป็นแค่หอยในจินตนาการของพวกเขา และผมก็บอกน้องๆ หลายคนว่า ถ้ารักผู้หญิงสักคนต้องรู้จักก่อน

คุยกันเรื่องหอย แล้วเกีี่ยวอะไรกับผู้หญิง

ผมจะบอกน้องๆ ว่า แรกๆ คนเราจะเลือกคนรักจากความหลงและประทับใจ แล้วเปลี่ยนมาเป็นรัก แต่ความรักอย่างเดียวไม่นานก็เลิก ความเข้าใจต่างหากที่อยู่นาน หอยก็เหมือนกัน ผมเก็บไว้เพราะผมรู้จักมันมากพอ ผมทำใจตั้งแต่เด็กแล้วว่า สักวันผมต้องหมดลมหายใจ และเอาอะไรไปไม่ได้เลย

อะไรทำให้เพื่อนต่างชาติของคุณที่สนใจเรื่องเปลือกหอยกลับไปทำพิพิธภัณฑ์ที่ประเทศของเขา ? 

 Mr. Patrick Livernette เพื่อนชาวฝรั่งเศสที่ผมให้แรงบันดาลใจเค้าไปทำพิพิธภัณฑ์หอยในเมือง Les Sables-d Olonne (ซับโดโลน) เพื่อนฝรั่งเศสคนนี้เคยไปรบต่างแดน เขาซื้อเปลือกหอยแพงๆ ไว้เยอะมาก ชีวิตก็ลำบากมาก ผมบอกเขาว่า ลองทำพิพิธภัณฑ์ และอย่าไปหุ้นกับใคร ให้ทำกับรัฐบาลท้องถิ่น เขาก็ทำตามที่ผมบอก ได้ตึกเก่ามาสามหลัง สองสามปีทำจนรุ่งเรืองส่วนเพื่อนชาวอินเดีย Mr. K. Raja Mohamed เป็นมุสลิมที่ซื่อสัตย์มาก เขาได้แรงบันดาลใจจากผม ไปทำพิพิธภัณฑ์หอยที่เมือง Mahabalipuram (มามัลละปุรัม หรือ มหาบาลีปุรัม) รัฐ Tamil Nadu ส่วนเพื่อนคนญี่ปุ่นที่มาเห็นพิพิธภัณฑ์ที่หาดราไวย์ เขาก็ทำพิพิธภัณฑ์ของเขาในญี่ปุ่นสองสามแห่ง 

หลังจากถอนตัวจากพิพิธภัณฑ์เปลือกหอยในกรุงเทพฯและภูเก็ต แล้วพิพิธภัณฑ์เปลือกหอยที่คุณกำล้ังจะสร้างใหม่ รูปแบบเป็นอย่างไร 

จะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เรียบง่ายที่สุด ไม่มีรูปฟอร์มอะไรมาก เพื่อจะดึงความสูงสุดของเปลือกหอยมานำเสนอ คือ เดินเข้าไปแล้ว คุณจะไม่เห็นอย่างอื่น จะเห็นแต่หอยๆๆๆ ซึ่งการจัดแสดงจะทำให้คนดูเข้าใจทันที

อาจจะพูดเว่อร์ๆ แต่เป็นความสัตย์จริง จะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ไม่มีมนุษย์ชาติคนใดสร้างได้อีก จะรวมความสุดยอดของเปลือกหอยทั้งโลกมาให้ดู คนธรรมดาๆ ที่เก็บเปลือกหอยได้อย่างเรา ไม่มีในโลก

คนไทยจะได้ชมพิพิธภัณฑ์ที่คุณพูดเมื่อไร

ไม่เกินสามปี ผมคงจะได้เปิด เพราะพ่อผมอายุมากแล้ว และพ่อบอกว่า อยากเห็นความสำเร็จตอนที่พ่อยังมีลมหายใจอยู่ ส่วนจังหวัดที่ผมจะทำยังไม่ระบุ และผมไม่่ได้ทำเพื่อการค้าหรือกำไร จะทำให้คนชมฟรี พ่อบอกว่า ความรู้มันบริสุทธิ์มาก จนทำใจไม่ได้ที่จะเอาเงินคน

อยากให้เล่าถึงเปลือกหอยที่คุณสะสมไว้ตอนนี้ ? 

มีทั้งหอยที่มีคุณค่าและมูลค่า ตัวที่แพงสุดคือ 25 ล้านบาทมีสองตัว ผมตั้งราคาสูงเพื่อไม่ให้คนซื้อ แต่ก็มีเพื่อนต่างชาติคนหนึ่งขอซื้อ 24 ล้านบาท เพราะเขากับผมมีเปลือกหอยที่สุดยอดของโลกเก็บไว้ ส่วนหอยที่มีคุณค่าทางจิตใจสำหรับผมเป็นหอยจั๊กจักวง หอยสังข์ต่างๆ และหอยที่มีสีสัน ตอนนี้ผมไม่ได้เก็บแบบนักสะสมแล้ว แต่ในฐานะนักชีววิทยา ผู้เห็นความงาม ทุกวันนี้มีพวกฝรั่งนักสะสมมาเสนอซื้ออยู่เรื่อยๆ