Retail Market Monitor (14 ก.ย.60)

Retail Market Monitor (14 ก.ย.60)

แกว่งตัวจากแรงทำกำไรระยะสั้น โดยมีแนวรับ 1630+/-

ตลาดหุ้นเอเซียอาจชะลอช่วงสั้นจากแรงทำกำไรและแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินสหรัฐฯ รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ขยับขึ้น ขณะที่หุ้นไทยแม้มีบรรยากาศการเก็งกำไรเป็นบวก แต่การปรับขึ้นอย่างรวดเร็วของหุ้นหลายตัวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนียังไม่ผ่านแนวต้าน 1650 ทำให้อาจเผชิญแรงทำกำไรและหมุนกลุ่มลงทุนไปยังกลุ่มที่ยังขึ้นน้อย อาทิ อสังหาริมทรัพย์ การแพทย์

Investment Theme 1) หุ้นใหญ่ที่ยัง Laggard กว่าตลาด  อาทิ PTT, TCAP, LH, CPALL, BJC, SCB, PTTEP, CPF, BANPU, BDMS, ROBINS, TRUE, KCE, PTG 2) หุ้นมีประเด็นเฉพาะตัวอย่าง TLUXE* ECF* PPS* BFIT* FER* VNG* 3) ผลตอบแทนพันธบัตรปรับขึ้น TIP* BLA* 4) หุ้นที่โมเมนตัมช่วงสั้นเป็นบวก BFIT* SAPPE* VNG* AJ* TTA* PSTC* NCL* MONO* TIP* BLA* TK*

ภาพรวมกลยุทธ์: ดัชนีแกว่งในกรอบ 1625-1650 โดยมีแนวรับที่ 1625-1630 (กรณีแย่ 1615 จุด) การเก็งกำไรเลือกหุ้นที่ยังมีการถือครองน้อย ราคาไม่แพงเกินไป และมีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในไตรมาส 3/60 และตั้งจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง // หุ้นแนะนำ AP, PM*, VNG*

ประเด็นการลงทุน

โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันฟื้นตัวต่อเนื่องหลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันปีนี้ขึ้น 1.7% / ราคาโลหะชะลอตัว / สินค้าเกษตรทรงตัวในระดับต่ำ / ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,337.00 จุด (-0.52%) / ถ่านหิน Newcastle ปิดที่ 100.30 เหรียญ/ตัน (+0.55%)

มุมมองน้ำมันปรับดีขึ้น – รายงานของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ก.ย.ดีกว่าคาด โดยอุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล/วัน (จากคาดการณ์เดิมที่ 1.5) หรือ 2.4% ในไตรมาส 2 ส่งผลให้ IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันสำหรับทั้งปีนี้ สู่ระดับ 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน หรือ เพิ่มขึ้น 1.7% และปี 2561 เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน หรือ 1.4%

ปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ – เงินเหรียญสหรัฐฯแข็งค่าขึ้นรับการฟื้นตัวของผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวรวมถึงการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อมาตรการปฏิรูปภาษีหลังประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่าจะมีการเปิดเผยถึงรายละเอียดและกรอบเวลาการปฏิรูปภาษีในวันที่ 25 ก.ย.นี้ โดยปัจจัยดังกล่าวได้กลบตัวเลขเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาด การปฏิรูปภาษีอาจส่งผลบวกต่อบจ.ที่มีฐานการผลิตในสหรัฐฯ อาทิ IVL TU

BANPU – ราคาหุ้นปรับลดลง 3.5% หลังมีรายงานข่าวรัฐบาลอินโดนีเซียมีแผนจะปรับสูตรราคาถ่านหินในประเทศที่จำหน่ายให้แก่โรงไฟฟ้า ทั้งนี้ปริมาณถ่านหินที่ จำหน่ายในอินโดนีเซียคิดเป็น 10% ของบริษัทลูก ITMG ขณะที่คิดเป็น 7% ของ BANPU ซึ่งผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงราคาขายทุก 1 เหรียญจะกระทบกำไร BANPU ราว 0.7-1.0% เรามองผลกระทบจากประเด็นนี้จำกัดและคาดว่าตลาดกังวลข่าวการตัดสินคดีโรงไฟฟ้าหงสามากกว่า (หากศาลฎีกาจะมีการอ่านคำตัดสิน บริษัทจะได้รับแจ้งล่วงหน้า 1 สัปดาห์)

ADVANC - AIS แสดงความจำนงขอซื้อหุ้น CSL (Not rated) ในราคา 7.80 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาปิดวานนี้ราว 6% จากผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ราย ได้แก่ THCOM (42%) และ SINGTEL (14%) ซึ่งการรวมธุรกิจอินเตอร์เนตสำหรับลูกค้าองค์กรของ CSL เข้ากับอินเตอร์เนตความเร็วสูงของ AIS จะส่งผลดีต่อกำไรของ ADVANC (ซื้อ, TP 220 บาท) ราว 0.5-0.9% (จากการเข้าซื้อหุ้นและทำเทนเดอร์) ทั้งนี้การขายหุ้นดังกล่าวทำให้ THCOM (ซื้อ, TP 19 บาท) ได้รับเงิน 1.9 พันล้านบาท ช่วยเสริมสภาพคล่องในการลงทุนดาวเทียมดวงใหม่

ประเด็นติดตาม: 15 ก.ย. – ประชุมคณะกรรมาธิการยุโรป / 16 ก.ย. ภาษีสรรพสามิตใหม่ / 18 ก.ย.- ศาลนัดไต่สวนแผนฟื้นฟู EARTH / 20 ก.ย. – FOMC พิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ

แนวรับ 1625-1630/แนวต้าน : 1645-1650 จุด สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

 (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH)

หุ้นแนะนำ

  • AP (30) : หนึ่งใน top pick กลุ่มอสังหาริมทรัพย์คู่กับ SPALI แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่องแบขั้นบันไดจากากรรับรู้รายได้และเปิดโครงการแนวราบไตรมาส 3 (รับรู้รายได้ไตรมาส 4)
  • PM* (13) : ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องจากการปรับโครงสร้างการบริหาร และการผลักดันช่องทางการเติบโตใหม่โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีน และการส่งออกไปจีน
  • VNG* (15) : ผลการดำเนินงานมีโอกาสผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยการใช้ไม่อัดและ MDF ได้รับอานิสงค์จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว
  • หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ: BFIT* SAPPE* VNG* AJ* PSTC* NCL* MONO* TIP* BLA* TK*