MORNING CALL ACTION NOTES (14 ก.ย.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (14 ก.ย.60)

เลือกเล่นรายตัว

ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้อ่อนตัวลงจากแรงขายตามสัญญาณเทคนิคหลังไม่สามารถยืนเหนือ 1,650 จุดได้ ส่งผลให้มีแรงขายในกลุ่ม Energ  Agri กดดันให้ SET ปิดที่ 1,642.94 จุด (-0.61 จุด) Vol. 5.3 หมื่นลบ. โดย Foreign Net +955 ลบ.  TFEX Net +4,414 สัญญา ตราสารหนี้ +8,112 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ ตลาดหุ้น DJ  ปรับตัวขึ้น จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงความคาดหวังปธน.ทรัมป์ จะสามารถผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษีได้สำเร็จภายในปีนี้

+ ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นล่าสุด 49.2 US/Barrel หลัง IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันปีนี้ สู่ระดับ 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน (+1.7%YoY)  รวมถึงอุปทานน้ำมันทั่วโลกเดือนส.ค. ปรับตัวลดลง 720,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 97.7 ล้านบาร์เรล/วัน จากผลกระทบพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์"

+/- ตลาดหุ้นยุโรปอ่อนตัวลงเล็กน้อย จากแรงขายหุ้นเหมืองแร่ รวมถึงการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มซัพพลายเออร์ของบริษัทแอปเปิล อิงค์

+/- Foreign Net Buy ตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.ราว 4.3 พันลบ. ส่วน TFEX เป็น Net Short ราว 3.5 หมื่นสัญญา

** SIS เผยผู้ถือหุ้นใหญ่จะทำเทนเดอร์ฯหุ้นส่วนที่เหลือ 52.6% ที่หุ้นละ 7 บาท,ไม่มีแผนเพิกถอนจากตลท.

** ADVANC จะเสนอซื้อหุ้น CSL จาก THCOM-SingTel ที่ราคาประมาณ 7.8 บ./หุ้น คาดตรวจสอบกิจการแล้วเสร็จกลางต.ค.

** 14 ก.ย. ธนาคารกลางอังกฤษ BOE ประชุมนโยบายการเงิน คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.25% และคงการใช้ QE 4.35 แสนล้านปอนด์

** 15 ก.ย. FTSE Global equity index รอบใหม่เริ่มมีผล (EA  BH WORK)

** สัปดาห์หน้าคาดสหรัฐฯจะเปิดเผยกรอบเวลาในการปฏิรูปภาษี

ภาวะตลาดหุ้นไทยได้ Sentiment เชิงบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น รวมถึง Fund Flow ต่างชาติทึ่ไหลเข้า ต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนก.ย. เป็นแรงหนุนดัชนี อย่างไรก็ตามภาวะ Overbought ทางเทคนิคจะเป็นแรงกดดันต่อทิศทางตลาด ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,635 - 1,650 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- LST VPO น้ำมันปาล์มดิบทำ High ในรอบ 6 เดือนล่าสุด 690 USD/Ton

- กลุ่มพลังงาน ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันทรงตัวใกล้ 50 US/Barrrel

- กลุ่มนิคมฯ เดือน ก.ย. รัฐบาลจะนำเสนอร่าง พ.ร.บ. EEC ต่อสนช.

- COM7 SYNEX  SIS ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่าและเปิดตัว IPhone8  

 

หุ้นแนะนำพิเศษ

THCOM (ราคาปัจจุบัน 17.20 บาท Bloomberg Consensus 19.08 บาท)

  • ADVANC เสนอซื้อหุ้น CSL จาก THCOM (ถือ 07%) และ SINGTEL (ถือ 14.14%) รวม 334.17 ล้านหุ้น ที่ราคา 7.8 บาท รวมเป็นเงินกว่า 2.6 พันล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบสถานะกิจการ คาดเสร็จสิ้นราว กลาง ต.ค. 60 ทั้งนี้ อาจต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นก่อนจากทั้ง 3 บริษัท ก่อนที่จะมีการทำรายการ
  • ความเห็น การเข้าเสนอซื้อดังกล่าว คาดเป็นผลบวกต่อราคาหุ้นของ CSL ในช่วงสั้น นอกจากนี้ ยังเป็นผลบวกต่อ THCOM ในด้านการปลดล็อคมูลค่าเงินลงทุน ซึ่งหากพิจารณาจาก Book Value ของ CSL (สิ้นงวด 2Q60) เฉพาะสัดส่วนที่ THCOM ถืออยู่ จะอยู่ที่เพียง 300 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าหุ้นในราคา 8 บาท เฉพาะส่วนของ THCOM ที่ถูกเสนอซื้อ มีมูลค่าสูงถึง 1.95 พันล้านบาท จึงแนะนำให้ "ซื้อเก็งกำไร" หุ้น THCOM

หุ้นเริ่มซื้อขายวันแรก : PRM (ราคา IPO 8.00 บาท)

  • บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจ 1) ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันแบบลอยน้ำ (FSU) 2) ขนส่งน้ำมัน 3) ธุรกิจเรื่อขนส่งสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และ 4) ธุรกิจบริหารจัดการเรือ ด้วยกองเรือทั้งหมด 24 ลำ โดยมีรายได้หลักจากขนส่งและจัดเก็บแบบ FSU และขนส่งน้ำมันอย่างเดียว 47% และ 37% ตามลำดับ
  • เงินทุนที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 5.2 พันล้านบาท หลักๆนำไปใช้ต่อเรือใหม่และซื้อเรือมือสองเพื่อขยายกองเรือและทดแทนของเดิม 2.8 พันล้านบาทใน 2 ปี นับจากนี้ น่าจะช่วยเพิ่มกำลังการให้บริการอีก 4 – 5 พันล้านลิตรต่อปี จากสิ้นปี 59 ที่ 5.6 พันล้านลิตร (หรือเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า) ส่วนที่เหลือเป็นเงินทุนหมุนเวียนและชำระคืนเงินกู้ระยะยาวราว 1.08 พันล้านบาท
  • ราคา IPO คิดเป็นอัตราส่วน PER ที่ 20.46 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทฯในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด แบบ Fully diluted ยังต่ำกว่าบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจเดียวกันในหมวดขนส่งและโลจิสติกส์ ที่มีค่า PER เท่ากับ 39.63 เท่า
  • ความเห็น PRM ยังมีแผนการลงทุนที่อยู่นอกเหนือจำนวนเงิน IPO ดังกล่าว ซึ่งเป็นการเพิ่มกำลังการให้บริการอีกราว 1.6 – 7 หมื่นล้านลิตร และต้องใช้เงินลงทุนอีกราว 6 – 7 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในเรือขนส่งขนาดใหญ่ ฝ่ายวิจัยคาดว่ายังต้องติดตามช่องทางการจัดหาเงินเป็นสำคัญ เนื่องจากสถานะทางการเงินปัจจุบันมี D/E Ratio สูงถึง 2.05 เท่า

หุ้นมีข่าว   

BANPU (ราคาปิด 16.80 Bloomberg Consensus 21.86)

Ø  วานนี้บริษัท ITMG (BANPU ถือ 65%)  ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นอินโดนีเซียปรับตัวลง 4% หลังมีข่าวว่ารัฐบาลมีแผนจะปรับราคาสำหรับโรงไฟฟ้าจากราคาตลาดมาเป็นต้นทุนบวกกำไร ส่งผลให้ตลาดกังวลว่ากำไรของเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียจะลดลง

Ø  ความเห็น เราคาดว่า BANPU จะได้รับผลกระทบจากการปรับราคาของรัฐบาลอินโดนีเซียไม่มากนักเนื่องจาก มีการขายในอินโดนีเซียเพียง 12% จากกำลังการผลิตที่อินโดนีเซีย 25.5 ล้านตัน โดยส่วนใหญ่ส่งออกไปยังจีน ไต้หวัน และญี่ปุ่น จากการสอบถามไปยังบริษัท หากมีมาตรการดังกล่าวออกมาจริงบริษัทพร้อมปรับตัวโดยการเน้นขายตลาดส่งออกมากขึ้นเพื่อลดผลกระทบของมาตรการดังกล่าว ด้านคดีความหงสายังไม่มีระยะเวลาของคำตัดสินที่ชัดเจน

Ø  ECF (ราคาปิด 5.65 ราคาเหมาะสม 5.06) ซุ่มลุยธุรกิจใหม่ เล็งชงบอร์ดอนุมัติ ลงทุน 3 ตุลาคมนี้ ส่งซิกธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ครึ่งปีหลังบูม ไฮซีซันพาผลงานโตแรง เตรียมขยายอาณาจักร AEC ดันยอดขายกระโดดเท่าตัวจากปีก่อนที่ 500 ล้านบาท (ที่มาทันหุ้น)    

Ø  ความเห็น เราคาดว่ากำไรปี 60 อยู่ที่ราว 87 ล้านบาทเติบโต 32%YoY เพราะ 2H60 เป็น high season ของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ อีกทั้งเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า Biomass 7.5 MW ราว 13 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเจรจาลงทุนในโรงไฟฟ้า Biomass อีก 2-3 แห่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ นอกจากนี้ได้เข้าลงทุน 20% ในโรงไฟฟ้า Solar Farm ในพม่ากำลังการผลิต 220 MW ซึ่งปี 61 คาดจะรับรู้กำลังการผลิต 100 MW เข้ามาช่วยหนุนผลประกอบการเพิ่มเติม

Ø  ATP30 (ราคาปิด 1.72 ซื้อ ราคาเหมาะสม 2) คงเหลือสัญญาที่จะรับรู้รายได้อีกกว่า 1,130 ล้านบาท การมีลูกค้าเพิ่มขึ้นหนุนรายได้ครึ่งปีหลังเติบโตกว่าครึ่งปีแรกและคงเป้ารายได้ปีนี้โต 15% เดินหน้าปรับโครงสร้างเพื่อลดต้นทุน ทุ่มงบลงทุน 200 ล้านบาท เพิ่มจำนวนรถ เพื่อรองรับบริการลูกค้ารายใหญ่ “IRPC-TOP”  

Ø  ความเห็น การรับลูกค้าใหม่ต่อเนื่องทำให้แผนซื้อรถใหม่ 25 คันเพิ่มเป็น 40 คันในปัจจุบันมีลูกค้า 32 รายจำนวนรถให้บริการ 195 คันเพิ่มจากปลายปี59 ที่มีลูกค้า 27 รายจำนวนรถให้บริการ 176 คัน ทำให้แนวโน้มรายได้ 2H60 สูงกว่า 1H60 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับดีขึ้นเนื่องจากมีจำนวนรถที่ต้องปรับปรุงน้อยกว่า และค่าใช่จ่ายในการดำเนินงานต่ำกว่า โดยมีกำไร 1H60 เท่ากับ 7.3 ลบ. คิดเป็น 28% ของประมาณการทั้งปีที่ 26.7 ลบ. +22% และเรายังคงประมาณการตามเดิมโดยมีมุมมองเชิงบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของรายได้เนื่องจากพื้นที่ให้บริการอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี

Ø  SIS เผยผู้ถือหุ้นใหญ่จะทำเทนเดอร์ฯหุ้นส่วนที่เหลือ 52.6% ที่หุ้นละ 7 บาทไม่มีแผนเพิกถอนจากตลท.