'ณิชภัทร'ร้องไห้ขออโหสิฯ เปิดเฟซฯตุ๋นเหยื่อ100รายสูญ160ล้าน

'ณิชภัทร'ร้องไห้ขออโหสิฯ เปิดเฟซฯตุ๋นเหยื่อ100รายสูญ160ล้าน

ตำรวจ 191 ตามล่าจนจับตัว "ณิชภัทร" ร้องไห้วอนขออโหสิฯ เปิดเฟซฯตุ๋นเหยื่อ100รายสูญ160ล้าน เผยสุดท้ายหนี้ท่วมหนีหัวซุกหัวซุน ก่อนถูกตะครุบได้คาห้องพักในนครพนม

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 9 กันยายน 2560 ที่กองกำกับการสายตรวจ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ( 191 ) ถนนวิภาวดีรังสิต - พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ., พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ., พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ รอง ผกก.สายตรวจ, พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล สว.งานสายตรวจ 3, แถลงผลการจับกุมน.ส.ณิชภัทร ภัทรธาดา อายุ 32 ปี อดีตนักศึกษาปริญญาโท ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสตูล ที่ 99/2560 ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2560 ในฐานความผิด “ฉ้อโกงประชาชน” และหมายจับศาลจังหวัดตรัง ที่ จ.248/2560 ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2560 ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน” โดยจับกุมได้ที่หอพักภู-ภีม ต.หนองแสง อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2559 น.ส.ณิชภัทร ได้เปิดเฟซบุ๊ก “กลุ่มรับทรัพย์” แล้วต่อมาได้เปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น “บ้านเลขที่ 5” โดยมีน.ส.ณิชภัทร เป็นผู้ดูแล และตั้งชื่อในเฟซบุ๊กว่า “Mai Ka” โดยชักชวนให้สมาชิกเข้าร่วมกลุ่มจนมีสมาชิกภายในกลุ่ม จำนวน 334 คน และได้เชิญชวนให้ลงทุน หุ้นละ 100 บาทต่อหุ้น โดยล่อใจว่าจะได้ผลประโยชน์ตอบแทนในอัตรา ร้อยละ 3 ต่อ 7 วัน เมื่อครบ 7 วัน จะคืนเงินทุนให้ โดยในช่วงแรกจะมีการกำหนดว่า ห้ามลงทุนเกิน 50,000 บาทต่อคน และมีการจ่ายเงินจริงเมื่อถึงกำหนด ซึ่งเป็นการทำให้เกิดความน่าสนใจและหลงเชื่อ ต่อมาในภายหลังมีการชักชวนให้มีการลงหุ้นเพิ่มขึ้น โดยมีทองมาเป็นผลตอบแทนนอกเหนือจาก ร้อยละ 3 ต่อ 7 วัน เช่น ถ้าลงทุน 100,000 บาท จะได้ทองคำเพิ่ม 1 สลึง ซึ่งทำให้ผู้เสียหาย ได้ลงทุนเพิ่มในจำนวนเงินถึงหลักล้าน

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า น.ส.ณิชภัทร ได้อ้างว่าจะนำเงินที่ผู้เสียหายมาลงทุนนั้น โดยไปลงทุนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร และกองทุนอื่นๆ ซึ่งเมื่อสมาชิกรายใดได้ร่วมลงทุนจะมีเงินปันผล พร้อมเงินลงทุนคืนให้สมาชิกรายนั้นๆ จึงทำให้ผู้เสียหายเกิดความหลงเชื่อ ต่อมาประมาณเดือนเมษายน 2560 เริ่มไม่มีการจ่ายเงินตามจริง ผู้เสียหายทั้งหมดจึงได้ขอถอนเงินลงทุน พร้อมเงินปันผลคืนจากน.ส.ณิชภัทร แต่น.ส.ณิชภัทร ไม่สามารถคืนเงินให้ผู้เสียหายได้ และได้หลบหนีไป

ทั้งนี้มีผู้เสียหายทั่วประเทศกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหาย 160 ล้านบาท กระทั่งเจ้าหน้าที่งานสายตรวจ 3 กก.สายตรวจ บก.สปพ. ได้ทำการสืบสวนและจับกุมตัว น.ส.ปณิชภัทร ได้ในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม จะทำการตรวจสอบต่อไปว่า มีผู้อื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ พร้อมกันนี้จะดำเนินการตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน ซึ่งจากการตรวจสอบพบทรัพย์สินทั้งบ้าน คอนโด รถยนต์ ฯลฯ จำนวน 16 ล้านบาท โดยในวันจันทร์ที่ 11 กันยายน จะประสาน ปปง.ตรวจสอบยึดทรัพย์สินต่อไป

น.ส.ณิชภัทร เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนพบเฟซบุ๊กรายอื่น และมีการกระทำในลักษณะเดียวกัน โดยเห็นว่าได้เงินดีจึงได้ตั้งกลุ่มขึ้นมา เพราะตนอยากได้ค่าส่วนต่างในการเป็นคนกลาง ช่วงแรกก็สามารถจ่ายเงินปันผลคืนให้กับสมาชิกได้ในราคาร้อยละ 3 ซึ่งตนจะได้ค่าตอบแทนร้อยละ 6 และมีเงินหมุนเวียนถึง 50 ล้านบาท ต่อมาระยะหลังเกิดปัญหาหมุนเงินไม่ทัน จึงทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับเงินปันผล อีกทั้งตนเป็นหนี้นอกระบบถูกตามทวงถามหนี้ จึงตัดสินใจหลบหนีไปพักในโรงแรมตามจังหวัดต่างๆ จนกระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว ตนไม่มีเจตนาโกง หรือทำให้ต้องเสียหายและโกรธแค้น จึงขออโหสิกรรมด้วย

“บทเรียนในครั้งนี้คือความโลภ เราไม่พอ อาจจะนำมาซึ่งการไม่เหลืออะไรเลย” น.ส.ณิชภัทร

อย่างไรก็ตาม การแถลงข่าวมีผู้เสียหายประมาณ 10 คน ที่ถูกน.ส.ณิชภัทร หลอกให้ร่วมลงทุน ได้เข้ามาดูหน้า น.ส.ณิชภัทร พร้อมกับเปิดเผยว่า ไม่ขออโหสิกรรมให้น.ส.ณิชภัทร และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคัดค้านการให้ประกันตัว เนื่องจากสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก