“ครูจอมทรัพย์” เดินหน้าขอคืนอาชีพแม่พิมพ์ของชาติ หวัง “รมว.ศธ.” เป็นที่พึ่งสุดท้ายพิจารณาต่อใบประกอบวิชาชีพครู
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายองค์กร อมรสิรินันท์ ประธานสภาเครือข่ายองค์กรครูแห่งประเทศไทย และ อดีตเลขาธิการคุรุสภา ได้พานางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครูที่ตกเป็นข่าวในคดีขับรถยนต์ชนคนจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตเดินทางขอเข้าพบนายตวง อันทะไชย ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาและกีฬา ที่สำนักงานคณะกรรมาธิการการศึกษาและกีฬา เพื่อยื่นหนังสือซึ่งเป็นเอกสารหลักฐานต่างๆ ประกอบคำร้องของนางจอมทรัพย์ ในการขอคืนใบประกอบวิชาชีพครูที่ถูกยึดไปเมื่อครั้งที่ถูกดำเนินคดีและถูกจำคุกภายในเรือนจำ ในคดีดังกล่าว เพื่อให้ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาและกีฬานำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นช่องทางในการช่วยเหลือให้นางจอมทรัพย์ ได้รับการพิจารณาคืนใบประกอบวิชาชีพครูคืนโดยเร็ว
นายองค์กร อมรสิรินันท์ ประธานสภาเครือข่ายองค์กรครูแห่งประเทศไทย และ อดีตเลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการพิจารณาคืนใบประกอบวิชีพให้กับนางจอมทรัพย์ เกิดจากความเข้าใจที่ไม่ตรงกันของผู้บริหาร ที่สำคัญคือไม่มีตัวเชื่อมที่ทำความเข้าใจกันได้ ตนในฐานะผู้ที่เคยเป็นเลขาธิการคุรุสภา ซึ่งติดตามเรื่องนี้มานานก็เห็นว่า จึงอาสาเข้ามาเป็นตัวเชื่อมเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันของหน่วยงานที่เป็นผู้พิจารณาออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูให้กับนางจอมทรัพย์ หากเป็นไปได้ตนก็อยากพานางจอมทรัพย์เข้าพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยตรงเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว เพราะตั้งแต่ที่ยื่นเรื่องไปที่กระทรวง เมื่อ 7 – 8 เดือนที่แล้ว ก็ยังไม่มีความคืบหน้าหรือคำตอบที่ชัดเจน
“จากประสบการณ์ในการทำงาน ผมก็ได้ทราบและเข้าใจในขั้นตอนและกระบวนการในการออกใบอนุญาต ซึ่งในกรณีของครูจอมทรัพย์ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรที่ซับซ้อนถ้าฝ่ายบริหารเข้าใจ ก็นำเสนอต่อบอร์ดบริหารแล้วออกใบอนุญาประกอบวิชาชีพได้ทันที วันนี้ครูจอมทรัพย์เขารู้ตัวเองดีว่าเขาทำผิดหรือไม่ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์แต่ถูกจำคุกมันก็เจ็บปวดมากแล้ว และเมื่อเขาได้รับอิสระภาพออกมาก็ต้องเดินเรื่องขอความเป็นธรรม อันดับแรก คือ ต้องกลับเข้ามาประกอบวิชาชีพให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะเขาถูกให้ออกจากข้อหาติดคุกจากความประมาท จากความผิดลหุโทษ ซึ่งถ้าไปดูระเบียบหรือเงื่อนไขแล้วก็มีช่องทางในการช่วยเหลือได้ โดยไม่ต้องการรื้อฟื้นคดีของศาล ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน”
ด้านนางจอมทรัพย์ กล่าว่า ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกฝ่ายจะเข้าใจ และกระทรวงศึกษาธิการจะเข้าใจและเมตตา ควมตั้งใจคืออยากเข้าพบกับรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อจะได้สื่อสารกันโดยตรงว่าพอจะมีช่องทางในการช่วยเหลืออย่างไรหรือไม่ ซึ่งตามขั้นตอนไม่ได้มีความยุ่งยาก แต่ตนก็ไม่ทราบว่าที่ยังล่าช้าอยู่จนถึงวันนี้เป็นเพราะอะไร อาชีพครูเป็นอาชีพที่ตนรักและอยู่กับอาชีพนี้มาครึ่งชีวิต จึงอยากจะกลับไปสอนหนังสืออีกครั้ง ตั้งแต่ที่ตนไม่ได้สอนหนังสือเพราะต้องโทษในคดี และพ้นโทษออกมาก็อยู่อย่างไม่มีความสุข ขาดกำลังกายกำลังใจ ทุกวันนี้ไม่ได้ทำอาชีพอย่างอื่น เพราะแค่ประคับประคองสุขภาพกาย สุขภาพใจให้มีชีวิตอยู่ได้เพื่อรอวันที่ความยุติธรรมจะมาถึงก็ลำบากมากแล้ว
“ทุกอย่างดูแย่ไปหมด ต้องแบกรับทั้งภาระหนี้สิน ทั้งต้องรอคอยวันแห่งการพิสูจน์ความจริงให้ปรากฏ สิ่งที่ทำได้คือรักษาชีวิตให้ยังมีลมหายใจที่จะต่อสู้ไปพร้อมๆกับการกลับคืนเข้าสู่การประกอบอาชีพครู ซึ่งต้องทำทุกทางเพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมตตา ที่ผ่านมาก็เดินทางไปยื่นหนังสือกับหน่วยงานที่น่าจะช่วยเหลือได้ แต่ก็ได้แต่เฝ้ารอวันแล้ววันเล่า คนภายนอกอาจจะมองว่าเรายังไหว แต่ลึกๆในใจแล้วมันแย่ สุดท้ายก็ต้องบอกให้ตัวเองสู้ เข้มแข็ง เพื่อรอวันที่ความจริงจะปรากฏและรอว่าจะได้กลับมาทำหน้าที่ครูอีกครั้ง โดยการเดินทางมาที่นี่ในวันนี้ก็หวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือ”