‘พอนโดร่า’ชุดว่ายน้ำวินเทจ เซ็กซี่แบบสาวไทย

‘พอนโดร่า’ชุดว่ายน้ำวินเทจ เซ็กซี่แบบสาวไทย

ความหลงใหลกีฬาว่ายน้ำ จนตัดเย็บชุดว่ายน้ำใส่เอง’พรทิพา ฉัตรเกษมธนกุล’ปั้นแบรนด์’พอนโดร่า’ เอาใจสาวไทยขี้อายให้กล้าใส่ชุดว่ายน้ำแฟชั่น ตลอด 7 ปีธุรกิจเติบใหญ่บนจุดยืนโปรดักส์เอาท์ดอร์ที่พร้อมตะลุยเพื่อนบ้าน

เป็นลูกสาวร้านค้าส่งในจังหวัดกาญจนบุรี ทำให้ “พรทิพา ฉัตรเกษมธนกุล” หล่อหลอมความเป็นนักขายมาตั้งแต่อายุยังน้อย มองอะไรก็ขายได้ทุกอย่าง ไม่ว่าสมัยเรียนมัธยม มหาวิทยาลัย เลือกเรียนคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี แต่ก็ยังไม่ทิ้งวิญญาณนักขาย เรียนจบออกมาจึงไม่ได้ทำงานสายตรง แต่กลับมาช่วยที่บ้านดูแลกิจการในฐานะทายาท ควบคู่ไปกับการทำธุรกิจส่วนตัว แบรนด์ "พอนโดร่า" (PONDORA) ที่มาจากชื่อเล่น(พอน)ของเธอ ความหมายดีๆ ที่น่าค้นหาว่า “สิ่งมหัศจรรย์จากตัวเธอเอง”

พรทิกา เล่าว่า แบรนด์ชุดว่ายน้ำ “พอนโดร่า” เริ่มต้นจากความชอบว่ายน้ำ จึงเห็นช่องว่างตลาดขนาดใหญ่ ตลาดชุดว่ายน้ำมีให้เลือกเพียงแค่วันพีช กับทูพีช ไม่ตอบโจทย์สาวขี้อายที่อยากว่ายน้ำ รักแฟชั่น แต่ขาดความมั่นใจ

“ตอนนั้นตลาดมีชุดว่ายน้ำให้เลือกแค่วันพีช ทูพีช แล้วคนไม่มั่นใจก็อดว่ายน้ำ เพราะไม่มีชุดให้เลือกกลายเป็นโอกาสดีๆ ที่เราเลือกทำธุรกิจจากความชอบว่ายน้ำ และชอบสะสมชุดว่ายน้ำเป็นทุนเดิม จึงดีไซน์ชุดว่ายน้ำสำหรับสาวไทย” เธอเล่าไอเดียที่มาจากตัวเอง

ปัญหาเฉพาะสาวไทยทั่วไปอีกประการคือ อกแบน สะโพกใหญ่ จึงไม่กล้าพอที่จะใส่ชุดว่ายน้ำแบบโชว์เรือนร่าง จึงมองหาชุดว่ายน้ำที่ซ่อนเร้นบางจุด มาตอบโจทย์สาวกลุ่มนี้

นั่นจึงทำให้เธอคิดและออกแบบชุดว่ายน้ำขึ้นเอง เพื่อตอบสนองความต้องการของหญิงไทยด้วยกัน

แม้เป็นอาชีพเสริม แต่ทำทั้งทีต้องมีครบทั้งแบรนด์ ดีไซน์ ตัดเย็บ ทำเองทุกระบวนการจึงลงทุนบินไปดูงานเนื้อผ้า เส้นด้ายที่เกาหลีด้วยตัวเอง เพราะต้องการให้คนใส่ประทับใจ เธอเล่าและว่าผ้านำเข้าผ้าจากเกาหลีต้นทุนสูง แต่ก็ต้องยอมเฉือนกำไร เพื่อเปิดตลาดเน้นลูกค้าซื้อได้เป็นหลัก ราคาชุดว่ายน้ำอยู่ที่ 790-1,390 บาท มาตรฐานราคาชุดว่ายน้ำทั่วไป แต่ของเธอฉีกตลาดตรงที่มีดีไซน์ เนื้อผ้าเก็บสรีระ และเลือกซื้อสินค้ามิกซ์แอนด์แมชได้เป็นชิ้นๆ

ขณะที่ ต้นทุนการตลาดเริ่มต้นไม่ได้สูง เพราะช่วงนั้นโซเชียล มิเดีย ในไทยเพิ่งเริ่มต้น พ่อค้าแม่ค้าไม่เยอะใครเริ่มก่อนขายได้ก่อน หลังผลิตและดีไซน์สินค้า จึงแนะนำแบรนด์ “พอนโดร่า” ขายผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ช่องทางเดียว ปรากฏว่า คนชอบและขยายวงในการสั่งเข้ามาเยอะมาก คนเข้ามาขอเป็นเพื่อน ในเฟสบุ๊คจึงมีทั้งเพื่อนของเพื่อน และคนไม่รู้จักกระจายไปในจังหวัดกาญจนบุรี

“ตอนเปิดตลาดเรามีเพียงเฟซบุ๊คส่วนตัวเป็นหน้าร้าน มีคำสั่งซื้อจากเพื่อนที่รู้จักกันเฉลี่ยเดือนแรกๆ 20-30 ชุด พอมีคนมาขอเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คมากขึ้น ยอดคำสั่งซื้อก็เพิ่มขึ้นเป็น เดือนละ100 ชุดในเดือนที่ 8”

พรทิพา เล่าว่า พอเข้าเดือนที่ 8 ก็เห็นเทรนด์แล้วว่า ถึงเวลาที่ต้องขยับจากอาชีพเสริมมาลงทุนจริงจัง จึงตัดสินใจลงทุนซื้อเครื่องจักรบางส่วน และเช่าบางส่วน มาตัดเย็บชุดว่ายน้ำ เพื่อให้แน่ใจว่าตลาดตอบรับจริงๆ ค่อยลงทุนเครื่องจักรเพิ่ม

นอกจากนี้ การทำตลาด ไม่หยุดแค่หน้าร้านในเฟสบุ๊ค แต่เริ่มมีหน้าร้านจากโซเซียลมิเดียอื่น อย่าง อินสตราแกรม และเปิดเว็บไซต์เป็นของตัวเอง พร้อมเปิดตัวคอลเล็คชั่นใหม่ในทุกฤดู หรือปีละ 3 ครั้ง 

ทำตลาดอยู่ 1 ปี จึงมั่นใจลงทุนเครื่องจักรเพิ่มขึ้นอีก 10 ตัว ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 600-1,000 ชิ้นต่อเดือน หากคำสั่งซื้อมากขึ้นก็จะจ้างวิสาหกิจชุมชนที่รับตัดเย็บในจังหวัดกาญจนบุรี เป็นผู้ตัดเย็บให้บางส่วน

สาวเมืองกาญจน์ ยังเล่าว่า สิ่งที่ทำให้พอนโดร่ามียอดขายเพิ่มขึ้น น่าจะเกิดจากความพยายามดีไซน์ให้ชุดว่ายน้ำให้ใส่ได้ทุกฤดูกาล และยังมิกซ์แอนด์แมช เป็นชุดออกกำลังกาย ไปฟิตเนส(Sport Wear) และใส่คู่กับชุดอื่นเดินเล่นเป็นชุดแฟชั่นสตรีทได้อีกด้วย

เท่านี้พอนโดร่าก็ไม่ใช่แค่ชุดว่ายน้ำแค่ใส่ลงสระว่ายน้ำ ที่คนหนึ่งคนมีได้มากกว่าหนึ่งชุด ซื้อเก็บไว้ใช้ได้มากกว่าแค่ 1 ฤดูกาลไม่ใช่ใส่แค่ซัมเมอร์

ยอดขายเริ่มบูมจนมีตัวแทนหน้าร้าน ผ่านโลกโซเชียล มิเดีย ขยับเข้ามาขอเป็นตัวแทนจำหน่าย จนปัจจุบันมีตัวแทนบนโลกออนไลน์กว่า 50 ราย 

เธอบอกว่า กลยุทธ์การวางขุมกำลังบนโซเชียลฯมีตัวแทนมากๆ บางคนขายได้น้อยได้มาก แต่พวกเขาเหล่านั้น คือคนทำให้แบรนด์พอนโดร่า รู้จักในโลกโซเชียลต่อเนื่อง ยิ่งมากยิ่งช่วยกระจายความเป็นแบรนด์ให้คนเห็นและรับรู้

จากโด่งดังในโลกโซเชียล พอนโดร่าก็เริ่มมีหน้าร้านเพื่อเสริมความมั่นใจให้คนที่ยังไม่สั่งซื้อออนไลน์ได้ลองเลือกสัมผัสชุดว่ายน้ำเอง เริ่มต้นจากจังหวัดกาญจนบุรี

กลยุทธ์การค้าขายที่ทำให้พอนโดร่าแจ้งเกิดในยุคเริ่มต้น ใช้ความขยันในการโพสต์ถี่ๆ และโชว์สินค้าได้มากๆ ก็ขายได้ แต่ปัจจุบัน คนค้าขายมากขึ้น คนเห็นน้อยลง จึงต้องมีกลยุทธ์เพิ่มเติมเพื่อมัดใจลูกค้า

“เมื่อก่อนจะโพสต์อะไรถ่ายรูปแบบไหนก็ขายได้ แต่เดี๋ยวนี้ยากขึ้นคู่แข่งเยอะขึ้น พ่อค้าแม่ค้าเปิดขายเต็มไปหมด เฟซบุ๊คจึงต้องถ่ายภาพสินค้าที่ดูดี มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น สื่อถึงอารมณ์และเน้นความสวยงาม”

จากวันแรก ถึงปีนี้เกือบ 8 ปี เจ้าของแบรนด์พอนโดร่า สาววัย 28 ปี สรุปกลยุทธ์ให้ฟังว่า 1.ทำสินค้าที่แตกต่างตลาดไม่มี และสินค้าใส่ได้ตลอดเวลา คนมีมากกว่า 1 ชุด 2.หน้าร้าน หน้าเพจต้องสะอาดมีระเบียบคนเลือกง่าย 3.สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าเห็นผ่านการโชว์รูปทุกกระบวนการตั้งแต่การผลิตตัดเย็บ เสื้อผ้าหลังตัดเย็บ และแพ็คสินค้า โพสต์รูปเพื่อมีคอลเล็คชั่นใหม่ 4.กำหนดราคา และทำโปรโมชั่นเด่นๆ ให้คนตัดสินใจซื้อได้รวดเร็วขึ้น

“ทำให้ลูกค้าตัดสินใจมากขึ้นโดยใช้โปรโมชั่นราคามาล่อใจ เช่น สินค้ามีจำนวนจำกัด หากโอนทันทีส่งให้ฟรี และมีคะแนนสะสมแต้มให้ลูกค้าที่ซื้อซ้ำ”

ผู้สร้างแบรนด์จากสื่อโซเชียลฯ ยังเล่าว่า การทำการตลาดออนไลน์สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องอยู่บนพื้นฐานที่แท้จริง ไม่ลงทุนโฆษณามากเกินไป แต่เน้นการประชาสัมพันธ์ผ่านคนใช้จริงจะมีอิทธิพลกับการตัดสินใจมากกว่า

“เทคนิคการตลาดต้องปัง แต่ไม่ลงทุนเกินตัว สินค้าดีก็ทำให้คนรู้จักได้ คนยุคนี้เชื่อคนใช้จริงมากกว่า วิธีการพีอาร์ผ่านเน็ทไอดอล หรือเซเล็บ ดารานักแสดง ที่มาซื้อสินค้าเราไปใช้ แล้วก็ต่อก็มีผลกับยอดขาย”

ขึ้นปี 2560 ภายในปลายปีนี้ กำลังเปิดหน้าร้านที่กรุงเทพฯ ย่านทาวน์อินทาวน์ เพื่อทำให้คนรู้จักแบรนด์ เป็นทั้งหน้าร้าน และสำนักงานให้ลูกค้าเข้ามาติดต่อสั่งผลิต (OEM) ที่มีทั้งดีไซน์ให้และรับดีไซน์ตามลูกค้าต้องการ ซึ่งเป็นก้าวย่างสำคัญที่จะรับงานขยายไปตลาดส่งออก เริ่มต้นจากประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม (CLMV)

นอกจากนี้ พอนโดร่า ยังแตกไลน์การผลิตที่เน้นสินค้าตอบโจทย์คนทำกิจกรรมเอาท์ดอร์ เช่น ครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด ชุดว่ายน้ำผู้ชาย และชุดออกกำลังกาย

พรทิพา ยังเล่าถึงความฝันของนักธุรกิจอายุยังน้อยว่า อยากมีรายได้ไต่ถึงร้อยล้าน พาตัวเองเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในอนาคต ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และเมื่อถึงวันนั้นก็อยากทำงานเพื่อสังคมมากขึ้น แม้จะยังไม่ถึงตามฝันทั้งหมด แต่ก็ถือว่า แจ้งเกิดได้อีกขั้นที่งดงาม เธอบอกว่า มาจากความเป็นคนรักการเรียนรู้ ปรับตัวให้ทันกับยุคนี้

การปรับตัวตลอดเวลาคือหัวใจสำคัญของคนทำธุรกิจ เช่น เธอโตมาแบบการค้าขายยุคดั้งเดิมรุ่นพ่อวางไว้ แต่ใช้สื่อออนไลน์ขายของแจ้งเกิดแบรนด์ได้ และปัจจุบันขายของออนไลน์ก็เจอบททดสอบอีกขั้น ทัศนคติของคนต่อชุดว่ายน้ำก็เปลี่ยนไป สาวไทยนิยมแนวเซ็กซี่ กล้า มั่นใจอวดสรีระมากขึ้น และคู่แข่งขายชุดว่ายน้ำมากขึ้น รวมถึงของก็อปปี้แบรนด์พอนโดร่าก็มี จึงเป็นการบ้านชิ้นใหม่ที่เธอต้องพร้อมแก้โจทย์ให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้

---------------------------

Key to Success 

สาวน้อยมหัศจรรย์

-ปรับตัวให้ทันกับรสนิยมคนซื้อ

-เริ่มธุรกิจจากความชอบส่วนตัว

-มีตัวแทนช่วยตอกย้ำแบรนด์

-มีหน้าร้านเพิ่มทางเลือก คนไม่ช้อปออนไลน์

-ไม่ลงทุนสูงเกินตัว

-4คาถา แตกต่าง สะอาด เชื่อมั่น โปรโมชั่นดี

-ไม่หยุดเรียนรู้