เรียก 7 แนวร่วมกปปส.รับข้อหากบฎ

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) -28 ส.ค.60 นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์ นายสาวิทย์ แก้วหวาน นายสำราญ รอดเพชร. นายสุริยนต์ ทองหนูเอียด อดีตกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) รท.แซมดิน เลิศบุตร เข้าพบพ.ต.ท.ชลภัทร ปานสกุณ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการสืบสวนอาชญากรรมพิเศษ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีกบฏและข้อหาอื่นรวม 11 ข้อหา ในเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง (ชัทดาวน์กรุงเทพฯ) ร่วมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นมุข (กปปส.) และพวกรวม 58คน คดีเกิดขึ้นระหว่างปี 2556-2557 ซึ่งก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้เรียกนายสุเทพและผู้ต้องหาบางส่วนเข้าสอบปากคำแล้ว แต่ยังมีบางส่วนที่อยู่ระหว่างการเรียกสอบปากคำเป็นครั้งแรก

นายพิภพ กล่าวภายหลังการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาว่า พวกตนปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยเฉพาะในข้อหากบฏ เนื่องจากคำปราศรัยที่ดีเอสไอได้บันทึกไว้ ซึ่งเป็นข้อความที่มีประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาประเทศ ไม่เข้าข่ายก่อการร้าย ส่วนข้อหาอื่นมีรายละเอียดมาจะส่งคำให้การแก้ข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในภายหลัง

น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความของกลุ่มพันธมิตร กล่าวว่า คดีดังกล่าวศาลได้ออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหาบางส่วน คือ กลุ่มของนายสุเทพ และได้เรียกกลุ่มของนายสุเทพเข้ารับทราบข้อกล่าวหาไปก่อนหน้านี้แล้ว เหลือเพียงกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ไปชุมนุมขึ้นเวทีปราศรัยของคปท. ในวันนี้มีผู้ถูกตั้งข้อหาเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน 7 คน โดยดีเอสไอได้ตั้งข้อกล่าวหากบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 และ 114 รวมทั้งข้อหายุยงส่งเสริมให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายตามมาตรา 116 หลังจากนี้หากดีเอสไอสรุปสำนวนเสร็จก็จะส่งให้พนักงานอัยการพิจารณา

นายสุริยนต์ กล่าวว่า ตนได้เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวนเป็นครั้งแรก หลังจากพนักงานสอบสวนดีเอสไอมีหมายเรียกเข้าให้ปากคำ ในข้อหาคดีกบฏและยุยงส่งเสริมให้ประชาชนละเมิดกฎหมาย ซึ่งตนไม่มีปัญหาอะไรและได้ตอบไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ก็มีอดีตแกนนำหลายรายเข้าได้รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว คงเหลืออีก 2 รายคือ นายพิเชษฐ์ พัฒนโชติ และนายสมบูรณ์ ทองบุราณ ที่ยังติดภารกิจ

ด้านพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ในปี 2556 เป็นการชุมนุมต่อเนื่องของกลุ่มกปปส.โดยที่ผ่านมาคดีดังกล่าวได้สรุปสำนวนสั่งฟ้องไปแล้ว และบางส่วนอัยการมีความเห็นให้แจ้งข้อหาเพิ่มเติม ส่วนผู้ต้องหาที่เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมในวันนี้เป็นการสอบเพิ่มหรือแจ้งข้อหาเพิ่มเติมเท่านั้น