ลุ้นไตรมาส4“จีน” ฟื้นตัว หวังแรงหนุนรัฐดันท่องเที่ยวเมืองรอง

ลุ้นไตรมาส4“จีน” ฟื้นตัว หวังแรงหนุนรัฐดันท่องเที่ยวเมืองรอง

ไตรมาส 4 เป็นช่วงเวลาทำรายได้สูงสุดของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ปีนี้ ททท. คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 9.24 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19% และมีรายได้เติบโต 23%

โดยตลาดที่มีแนวโน้มฟื้นตัวแรงที่สุด ได้แก่ “เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ” ที่คาดว่าจะมีจำนวน 3.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 46% และรายได้เติบโต 55%

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-20 ส.ค.มีกว่า 22.55 ล้านคน และตลอดทั้งปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 35.44 ล้านคน เติบโต 9% โดยตลาดที่อยู่ในความสนใจต่อเนื่องอย่าง “จีน” ฟื้นตัวต่อเนื่องจากปลายไตรมาสที่ 2  โดยไตรมาส 3 คาดการณ์ขยายตัว 10%

ส่วนไตรมาส 4 ประเมินเติบโต 71% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมาย ทำให้ตลาดลดลงกว่า 22% โดยจากการรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนต่างเชื่อมั่นว่ามีโอกาสต้อนรับตลาดจีนกว่า 9.5 ล้านคน

ปัจจัยบวกคือการเน้นเจาะกลุ่มศักยภาพและผู้มีรายได้สูง ตลาดเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) มากขึ้น ด้วยเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่ตรงกับความนิยมช่วงฤดูร้อน ทำให้ยอดจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าสูงติดอันดับต้นๆ โดยเฉพาะวันหยุด“โกลเด้นวีค” วันชาติจีน 1-7 ต.ค. เพิ่มขึ้น 24%

“การประเมินไตรมาส 4 มีปัจจัยหนุนคือเทศกาลวันหยุด 2 ตลาดหลัก ได้แก่ โกลเด้นวีคของจีน และเทศกาลดิวาลีของอินเดีย ระหว่างวันที่ 17-21 ต.ค. ขณะที่ธุรกิจการบินในช่วงไฮซีซันที่เตรียมขยายเพิ่มมีประมาณ 31 เที่ยวบิน ขณะที่สวีเดน รัสเซีย และยูเครน เพิ่มความถี่รวมกว่า 17 เที่ยวบิน”

สำหรับภาพรวมการจองบัตรโดยสารเครื่องบินล่วงหน้ามาไทยไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 6% โดยนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จองเพิ่มสูงสุด 36% ตามด้วยแอฟริกา 19% และยุโรปตะวันออก 18%

ส่วนปัจจัยท้าทายคือ ขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว เนื่องจากสนามบินนานาชาติและแหล่งท่องเที่ยวหลักแออัด โดย ททท.ได้หารือกับ ดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยานเรื่องการส่งเสริมสนามบินต่างจังหวัดที่มีศักยภาพให้สามารถรองรับตลาดท่องเที่ยวในเมืองรอง และกระจายนักท่องเที่ยวออกจังหวัดใกล้เคียง ส่วนสนามบินเดิมก็จะยกระดับสิ่งอำนวยความสะดวกตกแต่งให้สวยงาม มีร้านค้าของที่ระลึกและสินค้าท้องถิ่น กระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายก่อนเดินทางกลับ ส่วนสนามบินที่อาจติดขัดทางเทคนิค เช่น รันเวย์สั้นก็จะลงทุนต่อเติม 

แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องมีมาตรการจูงใจให้เอกชนที่เข้าไปขยายเส้นทางหรือขายแพ็คเกจทัวร์ ไม่ให้มีความเสี่ยง โดยเสนอให้รัฐให้สิทธิประโยชน์กรณีที่ทำได้ตามเงื่อนไขการนำนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ตามกำหนด

นอกจากนั้น พล..ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ไปสำรวจจังหวัดต่างๆ ว่ายังขาดปัจจัยพื้นฐานอะไรเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างถูกต้อง โดยอาจใช้เวทีการประชุมคณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) ที่มีตัวแทนคลัสเตอร์ท่องเที่ยวทั่วประเทศเข้าร่วม

ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า แนวคิดการพัฒนาท่องเที่ยวให้กระจายรายได้ถึงชุมชนนั้นเป็นสิ่งที่ดีแต่ต้องอาศัยความร่วมมือทั้งจังหวัด มีโมเดลที่น่าสนใจคือ “ขอนแก่น” ซึ่งมีทั้งการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐ ส่วนเอกชนเข้าไปลงทุนด้านต่างๆ มีองค์ประกอบที่พร้อมรับท่องเที่ยว เช่น การพัฒนาสินค้าที่ระลึกของฝาก ทำให้ไทยแอร์เอเชีย เตรียมเปิดเส้นทางข้ามภูมิภาค ขอนแก่น-ภูเก็ต เร็วๆ นี้

“หลายภูมิภาคตื่นตัวรองรับการท่องเที่ยว เช่น หัวหิน และนครราชสีมา และอีกหลายแห่งที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น แม่ฮ่องสอน แต่รันเวย์สั้นรองรับเครื่องใหญ่ไม่ได้ แต่หากรัฐสนใจลงทุน สายการบินก็พร้อมเปิดเส้นทาง หากมีข้อตกลงชัดเจนในการช่วยลดต้นทุนบางรายการในช่วงสร้างฐานตลาด เช่น ลดค่าธรรมเนียมการลงจอด 1 ปี”

วิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า แนวโน้มการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนกระจายตัวไปสู่ช่วงเวลาอื่นๆ มากขึ้น ไม่กระจุกตัวอยู่เฉพาะช่วงโกลเด้นวีค แต่จะให้ความสำคัญกับช่วงตรุษจีนและปีใหม่มากกว่า และเชื่อว่าตลอดปีตลาดจีนยังเติบโตได้ดี แม้หลายฝ่ายแสดงความกังวลด้านเศรษฐกิจ แต่การเติบโตของจีดีพีของจีนยังน่าจะขยายตัวได้กว่า 6% เพียงพอเป็นปัจจัยสนับสนุน

“หากจีดีพีขยายตัวกว่า 5% ก็ถือว่าน่าพอใจ แต่สิ่งที่ต้องจับตามากกว่าคือ การแข่งขันจากประเทศในเอเชียที่มาแรงคือ ฟิลิปปินส์ ซึ่งยุคประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ มีการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการเมืองกับจีนทำให้การท่องเที่ยวเติบโต และฟิลิปปินส์กำลังพิจารณาว่ายกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีน เหมือนกับที่ไทยเคยทำ”