จ่อประกาศTORประมูลแหล่งเอราวัณ - บงกช

จ่อประกาศTORประมูลแหล่งเอราวัณ - บงกช

'พลังงาน'จ่อประกาศทีโออาร์ เปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมเอราวัณ - บงกช ช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้ มั่นใจได้ผู้ชนะประมูลต้นปี 61

พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ภายในเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้จะประกาศทีโออาร์เพื่อเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมเอราวัณที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานในปี 65 และแหล่งบงกชหมดอายุปี 66 ทำให้มั่นใจว่า ในต้นปี 61 จะได้ผู้ชนะประมูลตามกำหนดที่วางไว้ และไม่ล่าช้าจากแผนแน่นอน ทั้งนี้ให้ความเชื่อมั่นว่า การเปิดประมูลดังกล่าว จะทำให้เอกชนได้เข้าลงทุนได้ทันเวลา รองรับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติภายในประเทศอย่างเพียงพอ

"หลังจากครม.มีมติเห็นชอบกฎกระทรวงและร่างประกาศคณะกรรมการปิโตรเลียม ออกตามความในพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ.2514 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวม 4 ฉบับเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างให้คณะกรรมการดฤษฎีกาตรวจร่างดังกล่าวก่อนเสนอให้ครม.รับทราบอีกครั้งภายในเดือนส.ค.นี้ จากนั้นคาดว่ากระทรวงพลังงานจะประกาศทีโออาร์ได้ช่วงเดือนก.ย.-ต.ค. และรู้ผลผู้ชนะประมูลต้นปี'61 ซึ่งถือว่าเป็นไปตามแผนที่กำหนดให้เอกชนลงทุนได้ทันเวลารองรับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในประเทศได้เพียงพอ"

สำหรับการทบทวนแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP 2015) จากเดิม 20% เป็น 40% นั้น ขณะนี้กำลังหารือว่าจะมีความเหมาะสม เพราะต้องยอมรับว่าการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนยังมีต้นทุนและราคาที่สูงกว่าเชื้อเพลิงหลัก

"ภายใน 2-3 เดือนนี้น่าจะมีความชัดเจนเรื่องการกำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งในส่วนของเอสพีพีประเภท Hybird firm และVSPP ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดโอกาสในการสนับสนุนพลังงานทดแทน"

ทั้งนี้ การเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนจึงต้องคำนึงถึง 3 หลักคือ 1.ความมั่นคงหรือความมีเสถียรภาพที่ต้องผลิตได้เพียงพอรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น 2. ราคาที่เป็นธรรมไม่ส่งผลกระทบทั้งต่อประชาชนและภาคอุตสาหกรรม และ 3.ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างพิจารณาการปรับสัดส่วนการกักเก็บพลังงานสำรองเป็นรายภาค ซึ่งต้องพิจารณาทั้งความต้องการในพื้นที่ โรงไฟฟ้าในพื้นที่ กำลังการผลิต และเชื้อเพลิงเพื่อประกอบการตัดสินใจให้มีความชัดเจน ทำให้การปรับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ 2015 (พีดีพี) แล้วเสร็จภายในปลายปีนี้