'ทีพีซีเอช' ชูกลยุทธ์ยืดหยุ่น

'ทีพีซีเอช' ชูกลยุทธ์ยืดหยุ่น

ทีพีซีเอชชูกลยุทธ์ "ยืดหยุ่น" ดันองค์กรเติบโต"ยั่งยืน" 

หากจะพูดถึงองค์กรรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ โดยปัจจัยชี้วัดประกอบด้วย การเติบโตของผลประกอบการ, และการขยายขนาดธุรกิจ และการยกระดับองค์กรจนสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH เป็นหนึ่งในบริษัทที่หลายคนนึกถึง

ทีพีซีเอช จดทะเบียนจัดตั้งเริ่มแรกเป็นบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2555 ตามมติของคณะกรรมการ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) TPOLY ที่ให้มีการจัดตั้งบริษัทแห่งใหม่เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดยให้บริษัทรับโอนการถือหุ้นในบริษัทย่อยดังกล่าวทั้งหมดที่ TPOLY ถืออยู่ในขณะนั้น และกำหนดให้บริษัทเป็นแกนนำในการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งหมดในอนาคตแทน TPOLY

ทั้งนี้ บริษัทได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2557 และดำเนินการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2558 ด้วยราคาหุ้นไอพีโอ 12.75 บาท ขณะที่ราคาหุ้นล่าสุด (18 ส.ค.2560) ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 16.30 บาท

2 ปีตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ทีพีซีเอช อยู่ภายใต้บังเหียนบริหารของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ คือกลุ่มจันทร์พลังศรี โดยมีแม่ทัพสำคัญ คือ เชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ)

อย่างไรก็ตาม ประมาณกลางปี 2559 จันทกานต์ จันทร์พลังศรี ทายาทวัย 24 ปี ของ เจริญและกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ได้เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมกับฝ่ายบริหารทีพีซีเอชมากขึ้น โดยงานแรกที่จันทกานต์ได้ชิมลาง ก็คืองานนักลงทุนสัมพันธ์

“เป็นงานที่เหมาะสำหรับการเริ่มทำความรู้จักองค์กร รู้จักธุรกิจทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน เพราะเราก็เป็นเด็กจบใหม่ ประสบการณ์การทำงานยังไม่มาก ซึ่งนอกจากจะต้องทำความรู้จักองค์กรแล้ว ยังต้องเรียนรู้อุตสาหกรรมพลังงานทดแทนเพิ่มเติมอีกด้วย” 

แม้จะยอมรับว่ายังมีสิ่งที่ต้องศึกษาอีกมาก แต่จันทกานต์ ก็เชื่อว่าตนเองมีสิ่งที่สามารถเติมเต็มให้กับองค์กรได้ นั่นคือความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนตามกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงได้

จันทกานต์วางเป้าหมายให้ทีพีซีเอชเป็นองค์กรที่อายุยืน แม้ปัจจุบันทีพีซีเอชจะเริ่มดำเนินธุรกิจเพียง 5 ปี แต่ก็มีผลประกอบการที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จากแรงขับเคลื่อนของบุคลากร 20 กว่าคน โดยในปี 2559 บริษัทมีรายได้รวม 716 ล้านบาท กำไรสุทธิ 201 ล้านบาท เติบโตค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปี 2558 ที่มีรายได้รวม 322 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 46 ล้านบาท ซึ่งลักษณะการเติบโตของรายได้ในธุรกิจพลังงานทดแทนนั้น ส่วนใหญ่จะทำให้นิวไฮไปเรื่อยๆ ตามการรับรู้การขายไฟจากกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น 

กุญแจสำคัญที่จะทำให้ทีพีซีเอช เป็นองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืนได้ ก็คือความยืดหยุ่น จันทกานต์เล่าเพิ่มว่า ปัจจุบันกระแสธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว และได้สร้างผลกระทบกับธุรกิจดั้งเดิมที่ปรับตัวได้ช้า หรือไม่สามารถปรับตัวได้เสมอ ซึ่งเห็นได้จากการล้มหายตายจากของธุรกิจที่โด่งดังในต่างประเทศมากมาย และเธอไม่ต้องการเห็นทีพีซีเอช เป็นเช่นนั้น โดยในอนาคต ผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้นอาจจะได้เห็นทีพีซีเอช ซึ่งดำเนินธุรกิจโฮลดิ้งคัมพานี มีการลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนที่หลากหลายวัตถุดิบขึ้น และกระจายทำเลมากขึ้นก็เป็นได้

นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนของเทคโนโลยีต่างๆ ก็มีความเป็นไปได้ที่ทีพีซีเอชจะหยิบมาปรับใช้ หรือลงทุนเพื่อพัฒนาและต่อยอดเป็นรายได้ให้บริษัทในลำดับถัดไป รวมถึงความหลากหลายทางด้านเครื่องมือทางการเงิน ด้วยเช่นกัน 

จันทกานต์เล่าเพิ่มว่า นอกจากงานด้านบริหารแล้วเธอยังมีเป้าหมายอื่น นั่นก็คือ นักกอล์ฟมืออาชีพ ซึ่งก่อนที่กลับมารับช่วงบริหารต่อในทีพีซีเอชนั้น ตำแหน่งทางกีฬากอล์ฟล่าสุดของเธอคือ กัปตันทีมนักกีฬากอล์ฟหญิงของมหาลัย ในปีที่ 4

“ตอนเป็นโปรกอล์ฟ สิ่งสำคัญคือตัวเอง การตัดสินใจ วินัย การฝึกฝน ทุกอย่างเกิดขึ้นในตัวเองและเพื่อตัวเองทั้งนั้น แต่ในงานบริหารองค์กร ทุกอย่างกลับข้างกัน เพราะทำงานในองค์กรต้องทำงานเป็นทีม เข้าใจกัน สื่อสารกัน และแชร์ประสบการณ์ รวมถึงความสำเร็จหรือกระทั่งความล้มเหลวร่วมกัน ซึ่งยังเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ด้วยความยืดหยุ่น” จันทกานต์ทิ้งท้าย