กองปราบ-ทหารบุกค้นรีสอร์ท รุกเขาใหญ่กว่า 293 ไร่

กองปราบ-ทหารบุกค้นรีสอร์ท รุกเขาใหญ่กว่า 293 ไร่

กองปราบ-ทหารบุกค้นรีสอร์ทรุกอุทยานเเห่งเขาใหญ่กว่า 293 ไร่ จ่อประสาน ปปป.ตรวจสอบจนท.รัฐเอี่ยว

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 18 สิงหาคม พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.บุญลือ ผดุงถิ่น รองผกก.2บก.ป. พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส พ.ต.ต.เอกพล ปัมจมานนท์ สว.กก.2.บก.ป. ประสานงานกับ นายทิวา วัชรกาฬ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี นายครรชิต ศรีนะวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นายสมศักดิ์ ภู่เพ็ชร์ ผอ.ส่วนยุทธการป้องกันและปราบปราม นายวิชัย พรลีแสงสุวรรณ์ ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ (สนอ.ที่ 1 ปราจีนบุรี) นายชาติชาย ศรีแผ้ว หน.สปป.ที่ 1 ภาคกลาง กรมอุทธยาน พ.อ.วินัย บุตรรักษ์ รองผอ.กอ.รมน. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร กว่า 100 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้น สิ่งปลูกสร้างใกล้กับอุทยานฯ แห่งชาติเขาใหญ่ ใน ต.บุฝ้าย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ซึ่งกำลังก่อสร้างเป็นรีสอร์ตและสวนน้ำหลังตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่หลายร้อยไร่

การตรวจค้นครั้งสืบเนื่องจาก สำนักงานสนับสนุนการป้องการและปราบปรามที่ 1 ภาคกลาง ได้ประสานมายังกองบังคับการปราบปราม ว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยขอกำลังเจ้าหน้าที่กองปราบปรามฯมาช่วยสนับสนุนในการลงตรวจพื้นที่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการรุกล้ำตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา จนกระทั้งปี 2555 ทางเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ )ได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่ดินจำนวน 22 แปลง รวม 225 ไร่ จนกระทั่งพบว่ามีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ แต่จนปัจจุบันคดียังไม่ความคืบหน้าก่อนที่เรื่องจะเงียบหายไป กระทั่งปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่สำนักงานสนับสนุนการป้องการและปราบปรามที่ 1 ภาคกลาง ได้ตรวจข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศพบว่า ยังคงมีการสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำในเขตอุทยานฯเพิ่มเติมมากขึ้นไปอีก จึงได้มีการรวบรวมข้อมูลก่อนที่จะเข้าตรวจสอบดังกล่าว

จากการตรวจสอบพบว่าภายในพื้นที่ได้ก่อสร้างเป็นรีสอร์ตที่พัก และสวนน้ำ พร้อมกับเครื่องเล่นต่าง ๆ แบบแอดเวนเจอร์ครบวงจร โดยการสำรวจลึกเข้าไปในพื้นที่ติดเชิงเขาใหญ่ยังพบมีการสร้างฝายทดน้ำที่ไหลลงมาจากพื้นที่อุทยานฯ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงการไหลของน้ำให้เข้ามายังพื้นที่ และเป็นการสร้างรุกล้ำเข้าไปในเขตพื้นที่อุทยานฯ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการรังวัดพื้นที่ที่รุกล้ำพบว่าเป็นพื้นที่จำนวน 1 งาน 70 ตารางวา นอกจากนี้ยังพบว่ามีการรุกล้ำพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นจากเดิมรวมทั้งสิ้น 7 แปลง รวมจำนวน 68 ไร่อีกด้วยรวมบุกรุกป้าทั้งสิน 293 ไร่ จึงให้พนักงานสอบสวน สภ.ประจันตคาม ดำเนินคดีในมาตรา 22 ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ในกรณีที่มีการผ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ เป็นเหตุให้มีสิ่งปลูกสร้างขึ้นใหม่หรือมีสิ่งอื่นใดในอุทยานแห่งชาติผิดไปจากสภาพเดิม

พ.ต.อ.อรุณ เปิดเผยว่า การเข้าตรวจสอบในวันนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เก็บข้อมูลทั้งหมดเพื่อนำกลับไปประกอบสำนวนเพื่อส่งไปยัง พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. ก่อนที่จะส่งเรื่องต่อไปยังกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤมิชอบในวงราชการ เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของที่ดินต่อไป โดยจะต้องมีการเรียกสอบปากคำผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายกฯอบต. และเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อสืบสวนขยายผลว่ามีใครที่ร่วมกระทำความผิดด้วย เพราะเป็นไปไม่ได้ที่การก่อสร้างรุกพื้นที่ป่านานขนาดนี้จะไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็น

ด้าน นายทิวา วัชรกาฬ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมานั้น การสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในพื้นที่จะต้องมีการแจ้งกับองค์การบริหารส่วนตำบลก่อนการปลูกสร้าง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวพบข้อมูลว่ามีการก่อสร้างมานานนับ 10 ปี จึงจะต้องให้ทางเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบรายละเอียดว่าสิ่งปลูกสร้างใดก่อสร้างก่อนและหลังปี 2554 และมีส่วนใดรุกล้ำเข้าไปในเขตอุทยานฯบ้าง อีกทั้งหากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็จะหาผู้ที่ครอบครองที่ดังกล่าวมาดำเนินคดีตามในมาตรา 22 ตามพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504