‘สยามคาร์ดีล’ โชว์รูมรถ 24 ชั่วโมง

 ‘สยามคาร์ดีล’  โชว์รูมรถ 24 ชั่วโมง

ธุรกิจเราไม่เบิร์นเงิน พอทำก็มีรายได้เข้ามาเลย และวันนี้ก็พร้อมโตแบบก้าวกระโดด

ไอเดียเริ่มต้นของ“สยามคาร์ดีล” (SiamCarDeal) เว็บไซต์ที่รวบรวมโปรโมชั่นต่างๆ พร้อมทั้งข้อมูลรถยนต์ใหม่ทุกรุ่นทุกค่ายและดีลเลอร์ทั่วไทย เสมือนได้ชมโชว์รูมรถทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ก็คงไม่ต่างจากสตาร์ทอัพทั่วไปซึ่งเริ่มด้วย “ปัญหา” ที่ตัวเองได้พบเจอ


และที่สุดก็รู้ว่ามันเป็นโอกาสธุรกิจที่น่าสนใจ เนื่องจากจำนวนรถยนต์ใหม่ที่ขายกันในตลาดเมืองไทยแต่ละปีมีอยู่ราว 7-8 แสนคัน ประการสำคัญทุกคันล้วนปิดการขายในช่องทาง “ออฟไลน์” ทั้งหมด ขณะที่โลกวันนี้กำลังก้าวสู่ออนไลน์


“ศิริพร เชาวน์ว่องเลิศ” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ สยามคาร์ดีล เล่าว่า เมื่อ 2-3 ปีก่อน เธอนั้นต้องการซื้อรถคันใหม่ และก็เหมือนกับคนส่วนใหญ่ที่พยายามค้นหาข้อมูลทางออนไลน์ แต่ที่ค้นเจอมักจะเป็นข้อมูลของรถยนต์มือสองเป็นส่วนใหญ่


“เราไม่สามารถเสิร์ซและพบข้อมูลที่แสดงผลว่าแต่ละโชว์รูมของรถใหม่แต่ละยี่ห้อ ว่าเขามีเงื่อนไขเป็นอย่างไร ต้องดาวน์เท่าไหร่ ไฟแนนซ์ ดอกเบี้ยเป็นอย่างไร มีของแถมอะไรบ้าง ซึ่งไม่เคยมีใครรวบรวมไว้ในที่เดียวเหมือนกันกับงานมอเตอร์โชว์ ทำให้ต้องเสียเวลาไปตะเวนหาโชว์รูมแต่ละที่เพื่อหาเงื่อนไข ข้อเสนอที่ดีที่สุดที่เราพอใจ ซึ่งกินเวลาเป็นเดือน”


เธอจึงเริ่มศึกษาเพื่อหาทางตอบโจทย์ กระทั่งพบว่าที่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ประเทศในยุโรป กระทั่งประเทศในแถบเอเชียต่างมีโมเดลธุรกิจ ที่เปิดขึ้นมาเป็นเว็บไซต์แล้วรวบรวมโปรโมชั่นของโชว์รูมรถใหม่ทั้งหมดไว้ในที่เดียวกันเพื่อให้คนที่ต้องการซื้อรถได้ค้นหา ประการสำคัญมันประสบความสำเร็จสูงมาก


ศิริพรมองว่า คอนเซ็ปต์ธุรกิจนี้สามารถนำมาทำที่ตลาดเมืองไทยได้เช่นเดียวกัน เพราะมันจะช่วยทั้งทางฝั่งผู้ซื้อหรือยูสเซอร์ รวมทั้งยังเป็นช่องทางในการเข้าถึงลูกค้าบนโลกออนไลน์สำหรับโชว์รูมหรือดีลเลอร์ด้วย


“เราพัฒนาเว็บไซต์สยามคาร์ดีลดอทคอมขึ้นมาและเปิดดำเนินการมาปีกว่าๆ ซึ่งธุรกิจเราจะคิดเงินจากฝั่งของโชว์รูมในรูปแบบของพื้นที่โฆษณาบนเว็บไซต์ สำหรับยูสเซอร์สามารถเข้ามาหาข้อมูลได้ฟรี และตั้งแต่ต้นก็สัมผัสได้เลยว่าสิ่งที่เราทำมันถูกต้อง ถูกทางแล้ว ทั้งยังตรงมีผลสำรวจชิ้นหนึ่งที่พบว่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า งบโฆษณาในช่องทางออนไลน์ปี 2559 ของตลาดรถยนต์โตถึง 4,000 % ในปีนี้ก็เชื่อว่าจะโตมากยิ่งขึ้น”


อาจมีข้อสงสัยว่าเวลานี้ทุกธุรกิจให้ความสำคัญในเรื่องของดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง และไม่ว่าธุรกิจไซน์เล็กหรือใหญ่ก็ต่างเปิดเพจในโซเชียลมีเดียต่างๆกันครบ


“เราไปเจอผลสำรวจอีกชิ้นหนึ่งที่พบตัวเลขสถิติที่น่าสนใจที่ทำให้เรารู้ว่าสยามคาร์ดีลจะต้องเป็นที่รักของยูสเซอร์ ก็เพราะมีคนจำนวนเพียง 37% เท่านั้นที่คลิกเข้าไปดูข้อมูลของแบรนด์รถแต่ละแบรนด์ แต่มากถึง 78% ที่จะค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์หรือเพจที่มีความเป็นกลาง”


ต้องบอกว่าในวันนี้สยามคาร์ดีลอยู่ในสเต็ปของการเติบโต ซึ่งถือว่าเป็นทีมสตาร์ทอัพที่ผ่านช่วงเออรี่สเตทมาค่อนข้างรวดเร็ว ศิริพรบอกว่าที่กล้าพูดอย่างนี้มีข้อพิสูจน์ในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนของโชว์รูม (พาร์ทเนอร์) ที่มาใช้พื้นที่โฆษณา และจำนวนรถยนต์ที่สามารถปิดการขายได้จริงๆ


ในปี 2559 สยามคาร์ดีลมีโชว์รูมที่เข้ามาใช้บริการทั้งหมดกว่า 30 แห่ง และช่วยโชว์รูมปิดการขายรถได้จำนวน 500 คัน มีรายได้ประมาณล้านกว่าบาท ขณะที่เป้าหมายในปีนี้ต้องการเพิ่่มจำนวนโชว์รูมเป็น 150 แห่ง คาดหวังว่าจะขายรถได้1,500 คัน ทำรายได้ประมาณ 10 ล้านบาท


“เนื่องจากในปีที่แล้วเรายังเป็นธุรกิจใหม่ และเป็นการสร้างแพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมดเลย ซึ่งเราระมัดระวังในเรื่องของคุณภาพ เพราะอยากทำให้แต่ละโชว์รูมเขาขายรถได้จริงๆ และพอทำไปก็ทำให้เรารู้ว่าต้องทำแบบไหนถึงจะเวิร์ค และโชคดีที่ธุรกิจเราไม่ใช่ธุรกิจที่เบิร์นเงิน พอทำก็มีรายได้เข้ามาเลย และถึงวันนี้เราก็พร้อมจะโตแบบก้าวกระโดด”


เมื่อถามถึงกลยุทธ์ในการขับเคลื่อน เธอบอกว่าหลักๆ จะใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งถือเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลในยุคนี้เพื่อสร้างความรับรู้ทำให้ทั้งยูสเซอร์และโชว์รูมรู้จักสยามคาร์ดีลให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการไปออกบูธในงานอีเวนท์ต่างๆ


“แต่เราจะไม่พึ่งพาโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งเป็นหลัก เพราะทุกแพลตฟอร์มมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา วันหนึ่งอาจสร้างผลดีแต่วันข้างหน้าอาจเป็นภัยคุกคามได้เช่นกัน เราเองก็ต้องศึกษาอยู่ตลอดว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น นอกจากนี้ในการทำการตลาดเราต้องใช้เงิน และจะทุ่มเงินลงไปทั้งหมดคงไม่ได้ ต้องแบ่งเงินใช้กับช่องทางอื่นๆ กิจกรรมอื่นๆ เพื่อสร้างโอกาสที่จะทำให้ลูกค้าได้เห็นและรู้จักเราให้มากที่สุด”


ทั้งนี้สยามคาร์ดีลยังมีเซลล์ ที่ทำหน้าที่ไปนำเสนอบริการ ตลอดจนเข้าไปร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมขายของทางฝั่งโชว์รูมอีกด้วย


“ในช่วงแรกๆ ยอมรับว่าเซลล์ของเราก็ยังไม่มีวิธีนำเสนอที่จี้ใจลูกค้า แต่พอทำไปนานๆ ก็รู้ว่าจะพูดอย่างไรให้ลูกค้าสนใจเรา ก็มีอยู่ 2-3 คำเช่น เพิ่มกำไร เพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน แต่ที่เราช่วยได้ก็คือการเพิ่มยอดขาย นอกจากเราเป็นพื้นที่โฆษณาแล้วเว็บไซต์สยามคาร์ดีลจะให้ยูสเซอร์ที่ต้องการซื้อรถทิ้งชื่อ เบอร์โทร และไอดีไลน์ไว้ จากนั้นเราจะส่งข้อมูลเหล่านี้ไปให้โชว์รูมต่างๆ ซึ่งยูสเซอร์ของเราถือว่ามีคุณภาพเพราะเป็นคนที่อยากซื้อรถจริงๆ ต่างไปจากการที่ทางโชว์รูมไปเปิดบูธขายในห้างฯ หรือในอีเวนท์ ที่เมื่อแจกโบร์ชัวร์ไปให้คน 100 คนก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนที่ต้องการซื้อรถจริงๆทั้ง 100 คน”


เธอยังพบว่า พนักงานขายถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมขายของโชว์รูมซึ่งจากสถิติพบว่าหากได้รับรายชื่อจากสยามคาร์ดีลไปปุ๊บแล้วโทรไปหาลูกค้าปั๊บในทันที จะมีโอกาสปิดการขายสูงมาก


“ต้องอาศัยการติดต่ออย่างรวดเร็ว ถ้าเราส่งรายชื่อไปแล้วเซลล์ของโชว์รูมไม่ยอมโทรไปโน้มน้าวลูกค้า ทุกอย่างก็สูญเปล่า เวลาเราที่ไปคุยกับทางโชว์รูมก็จะขอเขาว่าขอทีมเซลล์ที่คึกๆมาทำงานร่วมกับเรา ยิ่งทำงานกันเร็ว ติดต่อลูกค้าเร็ว คุณจะมีโอกาสปิดยอดขายได้เยอะ ถ้าเราส่งไปวันนี้แล้วติดต่อพรุ่งนี้ก็คงไม่ต้องมาลงโฆษณากับเรา”


ปัจจุบันสยามคาร์ดีลมียูสเซอร์เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์กว่า 4 หมื่นราย ศิริพรบอกว่าที่ผ่านมาได้พยายามปรับหน้าตาเว็บไซต์เพื่อทำให้การใช้งานง่ายที่สุด และตรงกับความต้องการของยูสเซอร์มากที่สุด


เช่น จากสถิติข้อมูลทำให้รู้ว่าผู้ที่ค้นข้อมูลมักต้องการจะรู้ในเรื่องของราคากับโปรโมชั่นมากที่สุด ทางสยามคาร์ดีลจึงได้ปรับโดยโชว์ทั้งสองเรื่องที่กล่าวมานี้อยู่ที่หน้าแรกของเว็บไซต์ เป็นต้น


“เป้าหมายของเราเป็นคนอายุ 24-35 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีและเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ รวมถึงโซเชียลมีเดียของเรามากที่สุด กลุ่มคนดังกล่าวเป็นช่วงวัยที่เริ่มทำงานมีรายได้แล้ว และก็เริ่มมีความต้องการจะซื้อรถ”


สำหรับในอนาคตอันใกล้ ศิริพรวางแผนว่าสยามคาร์ดีลจะให้บริการที่ครบวงจร คือมีแพ็คเก็จบริการอื่นๆ โดยไปจับมือกับพาร์ทเนอร์ที่ทำธุรกิจประกันภัย ธุรกิจขายรถมือสอง ธุรกิจแต่งรถ อู่ซ่อมรถ ล้างรถ ศูนย์บริการ ฯลฯ


"แต่ตอนนี้ขอโฟกัสเรื่องการเพิ่มจำนวนโชว์รูม ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี เพราะภายในเดือนเดียวเราได้โชว์รูมเพิ่มขึ้นถึง 10 แห่งทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ที่สุดแล้วเราเองอยากเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนให้อุตสาหกรรมรถยนต์เจริญเติบโตภายในประเทศไทย ต้องการเป็นธุรกิจที่ส่งแรงกระเพื่อมเป็นวงใหญ่”