ทหาร-ตร.เหนือปราบยาบ้า10เดือน ยึด134ล้านเม็ด-ไอซ์3,800กก.

ทหาร-ตร.เหนือปราบยาบ้า10เดือน ยึด134ล้านเม็ด-ไอซ์3,800กก.

บิ๊กขรก.4หน่วยงาน แถลงผลการปราบปรามขบวนการยาเสพติด10เดือน ยึดยาบ้ากว่า134ล้านเม็ด - ไอซ์กว่า 3,800 กิโลกรัม แถมเป็นผู้ค้ารายใหม่เพียบ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 ส.ค.60 ที่ด่านศุลกากรแม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย บริเวณสะพานข้ามพรมแดน ไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. , นายพิภพ ชำนิวิกัยพงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) , พล.ท.ธนา จารุวัต แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผบ.ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศป.ปส.ชน.) นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย , พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส., พล.ต.ต.ภานะเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภ.5 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในช่วงที่ 10 เดือนผ่านมา

พล.ท.ธนา จารุวัต แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผบ.ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศป.ปส.ชน.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีการลักลอบนำเข้าด้านพื้นที่ชายแดนภาคเหนือมากจนล้นตลาด ทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจยึดทั้งยาบ้า ยาไอซ์ และยาเสพติดชนิดต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2558-วันที่ 3 ก.ค.2559 ตรวจยึดยาบ้าได้ 68,394,570 เม็ด ยาไอซ์ 876.56 กิโลกรัม และตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2559-วันที่ 3 ก.ค.2560 ตรวจยึดยาบ้าได้เพิ่มขึ้นเป็น 134,399,290 เม็ด ยาไอซ์ 3,857.35 กิโลกรัม โดยมียาบ้าเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 66,404,720 เม็ดคิดเป็น 77.1% และยาไอซ์เพิ่มขึ้น 2,980.79กิโลกรัมคิดเป็น 340.1% หรือเกือบ 4 เท่าตัว

สำหรับการลักลอบนำเข้ายังคงอยู่ในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคเหนือคือ จ.เชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน ถึงร้อยละ 96.8 เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่อื่นของประเทศ โดยเฉพาะ อ.แม่ฟ้าหลวง และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบมีปัญหาการนำเข้ามากที่สุด เนื่องจากอยู่ใกล้เครือข่ายผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยกลุ่มเป็นกลุ่มมูเซอและอาข่าในประเทศเพื่อนบ้านที่เชื่อมโยงกับคนไทยที่มีหมายจับคดียาเสพติดแต่หลบหนีเข้าไปอยู่ในเขต จ.ท่าขี้เหล็ก และ จ.เมืองสาด ประเทศเมียนมา ตรงกันข้ามกับ 2 อำเภอของไทยดังกล่าว โดยได้จัดการด้านการตลาดด้วยวิธีการที่หลากหลายเพื่อพยายามส่งยาเสพติดเข้ามาประเทศไทย

ทาง ศป.ปส.ชน.ซึ่งดูแลพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ตอนในต่อเนื่องจำนวน 21 อำเภอในเขต 3 จังหวัดดังกล่าว จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสกัดกั้นและปราบปรามอย่างหนัก รวมทั้งสร้างชุมชนเข้มแข็งให้ชุมชนชายแดน เช่น บ้านห้วยส้าน ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ โดยฟื้นฟูและจัดระเบียบเพื่อสร้างความมั่นคงในพื้นที่หลังจากที่มีการจับกุมเครือข่ายนายเล่าต๋า แสนลี่ ไปแล้ว จัดกิจกรรมตามกลุ่มชาติพันธุ์ชายแดนต่างๆ บำบัดรักษาผู้เสพด้วยระบบสมัครใจ 6 รุ่นจำนวน 600 คน

โดย มีปฏิบัติการต่างๆ คือแผนยุทธการที่ 4/60 -ศป.ปส.ชน.ร่วมกับฝ่ายเมียนมา และหน่วยงานไทย เช่น ป.ป.ส.ตำรวจ ปส.กองกำลังผาเมือง ภ.5 ฝ่ายปกครอง ส่วนฝ่ายเมียนมามี จ.เมืองสาด และ จ.ท่าขี้เหล็กโดยปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดทั้ง 2 ฝ่าย แผนปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 60/5 แผนปฏิบัติการทำลายเครือข่าย ยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด จ.เชียงราย ปี 2558-2562 แผนปฏิบัติการลุ่มแม่น้ำโขงปลอดภัย 6 ชาติ เป็นต้น

ส่วนฝ่ายเมียนมานั้นต้องขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ที่ให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทยเป็นอย่างดี โดยในรอบปีที่ผ่านมาทางการเมียนมามีการตรวจยึดยาเสพติดในประเทศของตนเองค่อนข้างมาก โดยเป็นยาบ้ามากถึง59 ล้านเม็ด เศษและยาบ้าผง 117 กิโลกรัม เฮโรอีน 638 กิโลกรัม และยาไอซ์ 132 กิโลกรัม ซึ่งมีแนวโน้มที่มากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะชายแดนที่ติดกับประเทศไทย โดยหลังมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-เมียนมาหรืออาร์บีซี ครั้งที่ 31 เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมาที่ จ.ภูเก็ต ระหว่างแม่ทัพภาคที่ 3 ของไทย และ พล.ท.มินหน่อง ผบช.สำนักปฏิบัติการพิเศษที่ 4 และทำข้อตกลงแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกัน จนในวันที่ 21 ก.ค.60 ได้มีการหารือเพื่อร่วมกันปราบปรามทั้ง 2 ฝั่งประเทศดังกล่าว ซึ่งพบว่าเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมาฝ่ายเมียนมามีการจับกุมครั้งใหญ่โดยจับกุมเครือข่ายผู้ผลิตกลุ่มมูเซอที่ จ.ท่าขี้เหล็กและยึดของกลางยาบ้าได้กว่า 18 ล้านเม็ด เฮโรอีน 9 กิโลกรัม ยาไอซ์ 202 กิโลกรัม และเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของประเทศเมียนมาในการร่วมกันปราบปราม

สำหรับกลุ่มผู้ผลิตรายหลักในปัจจุบันยังคงเป็นกองทัพสหรัฐว้า (UWSA) ในเขตปกครองพิเศษที่ 2 พื้นที่รัฐฉานตอนเหนือ กองกำลังพันธมิตรชาติประชาธิปไตยในเขตปกครองพิเศษที่ 4 (เมืองลา) ติดชายแดนจีนและกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (โกกั้ง) โดยแต่ละกลุ่มมีกองกำลังติดอาวุธคุ้มกันจำนวนมากจึงเป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้านในการเข้าไปจัดการ และทำให้กลุ่มเหล่านี้มีศักยภาพในการผลิตยาเสพติดโดยสังเกตุจากมาตรฐานของส่วนผสมยาเสพติดที่ยึดได้ไม่มีเปลี่ยนแปลง และสารตั้งต้นก็ลักลอบนำเข้าจากประเทศจีน เวียดนาม ผ่าน สปป.ลาว และไทย

นอกจากนี้ ยังพบกลุ่มผู้ผลิตยาบ้าในเขตรัฐฉานตอนใต้ติด 3 จังหวัดภาคเหนือของไทย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยนำหัวเชื้อและผงยาบ้ามาจาก UWSA แล้วนำมาประทับตราสัญลักษณ์บนห่อยาบ้าเป็นของกลุ่มต่างๆเช่น สัญลักษณ์เลข 1, 2 , 12 ซึ่งมาจากแหล่งผลิตเมืองทาใหม่ ของกลุ่มว้าใต้ , สัญลักษณ์เลข 999 สีแดงมาจากแหล่งผลิตปูนาโก่ของกลุ่มมูเซอแดงเครือข่ายของนายจะงอย และเลข 999 สีน้ำเดินของนายจะลอโบ่ , สัญลักษณ์ Y1 มาจากแหล่งผลิตบ้านน้ำปุ๋งของ พ.ท.ยี่เซ กลุ่มมูเซอ , แหล่งผลิตน้ำรวกของกลุ่มจีแอลจี , แหล่งผลิตบ้านหนองเทาของกลุ่มว้าตระกูลเหว่ย , แหล่งผลิตของกลุ่มอาข่า/เซเว่นคลับซึ่งมี 7 หุ้น3 ตระกูลหลักคือยางเปียง มาเยอะหรือมาเยาะ หม่อโป๊ะกู่ , กลุ่มม้าบินซึ่งเป็นรุ่นลูกหลานของเซเว่นคลับ และกลุ่มอาข่าบ้านผาขาว ซึ่งในการแถลงครั้งนี้ระบุว่าทั้งหมดล้วนเป็นเหตุให้ปริมาณการผลิตยาเสพติดและลักลอบนำเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นจึงต้องอาศัยความร่วมมือไทย-เมียนมา ในการปราบปราม

โดยในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 16 ส.ค.60 ทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แถลงผลปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 60/5 “เครือข่ายสามเหลี่ยมทองคำ” ระหว่างวันที่ 5-19 ส.ค.ว่าสามารถจับกุมผู้ต้องหารายใหญ่ได้ 3 คดีโดยคดีแรกของกลางเป็นยาบ้า 160,000 เม็ด รถกระบะ 1 คัน ผู้ต้องหาชื่อนายบุญชัย ชาติไทยเจริญ อายุ 29 ปี นายเทียนชัย ชัยเจริญเวียงฟ้า อายุ 31 ปี และนายวิระ สว่างยอดฟ้าเจริญ อายุ 25 ปี คดีที่ 2 ของกลางเป็นยาบ้า 880,000 เม็ด ยาไอซ์ 1 กิโลกรัม ผู้ต้องหาชื่อนายสิทธิโชค บริบูรณ์ อายุ 28 ปี นายสหภาพ ปิยะรัตน์ อายุ 24 ปี นายศิวาร สิงขุนทด อายุ 20 ปีและนายวรวงศ์ ทาหอม อายุ 20 ปี คดีสุดท้ายมียาไอซ์น้ำหนัก 50กิโลกรัม รวมของกลางทั้งหมดมียาบ้า 1,040,000 เม็ด ยาไอซ์ 51 กิโลกรัมนอกจากนี้ได้ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 50 จุด จับกุมผู้ต้องหาตามหายจับได้ 15 ราย ผู้ต้องหาใหม่ 18 ราย ตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบ 41 รายการ มูลค่า 533 ล้านบาท โดยเป็นรถยนต์ 15 คัน รถจักรยานยนต์ 3 คัน มูลค่า 15,432,000 บาท โฉนดที่ดิน 8 โฉนดมูลค่า 508,122,035 บาท และอื่นๆ เช่น ทองคำรูปพรรณ ธนบัตรไทย นาฬิกาข้อมือ ฯลฯ มูลค่า 9,476,416 บาท

ด้านนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่าในปี 2560 นี้ จ.เชียงราย สามารถสกัดยาเสพติดเป็นยาบ้าได้กว่า 43,615,256 เม็ด เฮโรอีน 170 กิโลกรัม ยาไอซ์ 186 กิโลกรัม ทางจังหวัดได้มีการพัฒนาหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็งและบำบัดฟื้นฟูผู้เสพได้ 5 รุ่นๆ ละ 60 คน รวม 300 คน