‘วีจีไอ’ชูกลยุทธ์‘โอทูโอ’ตอบโจทย์โฆษณาสื่อนอกบ้าน

‘วีจีไอ’ชูกลยุทธ์‘โอทูโอ’ตอบโจทย์โฆษณาสื่อนอกบ้าน

จากจุดเริ่มต้นธุรกิจสื่อนอกบ้าน (Out of Home Media) ของ “วีจีไอ โกลบอล มีเดีย” ด้วยการพัฒนาและบริหารสื่อโฆษณาในระบบขนส่งรถไฟฟ้าบีทีเอส พื้นที่กรุงเทพฯ

ตลอดระยะเวลากว่า 19 ปี ได้สร้างเครือข่ายสื่อครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมวางยุทธศาสตร์สู่“มัลติ แชนแนล มีเดีย”ผสานการใช้สื่อนอกบ้านครบวงจร ทั้งออฟไลน์และออนไลน์

เนลสัน เหลียง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือวีจีไอ ผู้นำเครือข่ายสื่อโฆษณานอกบ้านครบวงจร กล่าวว่าปัจจุบัน “วีจีไอ กรุ๊ป” มีสื่อโฆษณานอกบ้านครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ภายใต้เครือข่าย  5 บริษัท คือ วีจีไอ ,มาสเตอร์แอด, แอโร มีเดีย กรุ๊ป, เดโม เพาว์เวอร์ และบัตรแรบบิท

โดย “วีจีไอ” เป็นผู้พัฒนาป้ายโฆษณาและจอดิจิทัลทั้งหมดของระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสกว่า 6,000 จุด รวมทั้งสื่อโฆษณาในอาคารสำนักงานและสื่อในลิฟท์คอนโดมิเนียมมากกว่า 350 อาคาร 

“มาสเตอร์แอด” เป็นเจ้าของป้ายโฆษณาและจอดิจิทัลทั่วประเทศ 77 จังหวัด กว่า 2,000 จุด “แอโร มีเดีย” ได้รับสัมปทานบริหารสื่อโฆษณาในสนามบิน 13 สนามบินทั่วประเทศ ที่มีจอดิจิทัลกว่า 300 จอ รวมถึงสื่ออื่นๆ เช่น รถเข็นในสนามบินดอนเมือง รถกอล์ฟที่สนามบินสุวรรณภูมิ งวงช้าง 5 สนามบินทั่วประเทศและสื่อโฆษณาของสายการบินแอร์เอเชีย ไทยไลอ้อนแอร์และนกแอร์มากกว่า 70 ลำ 

“เดโม เพาว์เวอร์”ดำเนินธุรกิจด้านกิจกรรมการตลาด แจกสินค้าตัวอย่างและสาธิตการใช้สินค้าเพื่อส่งเสริมการขายในพื้นที่ค้าปลีก เช่น เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, แม็คโคร  โดยมีพื้นที่กว่า 360 แห่งทั่วประเทศ 

อีกธุรกิจสำคัญคือ“แรบบิท การ์ด” ระบบชำระเงินอีเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นระบบตั๋วร่วมระหว่างรถไฟฟ้าบีทีเอสและระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ นอกจากนี้ยังเป็นพันธมิตรกับร้านค้ากว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศที่รับชำระเงินผ่านบัตรแรบบิท ปัจจุบันมีผู้ถือบัตร 7 ล้านใบ โดยมีผู้ลงทะเบียน 3 ล้านใบ ถือเป็นฐานข้อมูล(Data Base) สำคัญในการวิเคราะห์ผู้บริโภค จากข้อมูลด้านประชากรศาสตร์,สถานที่เดินทางและพฤติกรรม เพื่อให้สินค้าและแบรนด์วางแผนใช้สื่อโฆษณานอกบ้านในเครือวีจีไอ กรุ๊ป ตรงกลุ่มเป้าหมาย 

วางกลยุทธ์“โอทูโอ”

ปัจจุบันอุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกบ้านก้าวมาสู่การเปลี่ยนแปลงสำคัญ จากพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นและสื่อออนไลน์ที่เข้ามามีบทบาท วีจีไอ จึงวางกลยุทธ์การดำเนินงาน โดยปรับเปลี่ยนวิธีการขายแพ็คเกจสื่อโฆษณาให้มีการผสมผสานระหว่างสื่อออฟไลน์และออนไลน์ หรือ โอทูโอ(O2O) 

โดยนำ“บิ๊กดาต้า”จากบัตรแรบบิท ซึ่งเป็นฐานข้อมูลพฤติกรรมการเดินทางและการจับจ่ายใช้สอยและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมาใช้วิเคราะห์ เพื่อวางแผนใช้สื่อโฆษณานอกบ้านในเครือให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ ทำให้นักการตลาดและเอเยนซีโฆษณาสามารถสื่อสารการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังกระตุ้นการตัดสินซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 

"วีจีไอ กรุ๊ป มีความพร้อมด้านการให้บริการโอทูโอ เป็นรายแรกในไทย เพราะเรามีแพลตฟอร์มสื่อโฆษณานอกบ้านหลากหลายและครอบคลุมทั่วประเทศ ผสานกับฐานข้อมูลพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยจากบัตรแรบบิท ทำให้สินค้าและแบรนด์ทั้งรายใหญ่และรายย่อย สามารถสื่อสารโฆษณาหรือทำโปรโมชั่น  เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกช่องทาง”

บันเดิลแพ็คเกจสื่อ

 เนลสัน กล่าวว่าภายใต้กลยุทธ์การผสานสื่อนอกบ้านทั้งออฟไลน์และออนไลน์  ได้นำเสนอบันเดิล แพ็คเกจ (Bundle Package) สื่อในเครือให้สินค้าและแบรนด์ทั้งแบบสำเร็จรูปที่จัดไว้แล้วและแบบ Customize package ที่ลูกค้าแจ้งความต้องการ โดยใช้บิ๊กดาต้าทั้งหมดมาออกแบบแพ็คเกจเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย

“การสร้างการรับรู้และกระตุ้นพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค จำเป็นต้องใช้สื่อที่มีการผสมผสานระหว่างออฟไลน์และออนไลน์เข้าไว้ด้วยกัน มากกว่าการทุ่มเม็ดเงินโฆษณาไปยังสื่อใดสื่อหนึ่งเพียงสื่อเดียว เชื่อว่าบันเดิล แพ็คเกจจะตอบโจทย์แบรนด์”

จากการวางกลยุทธ์โอทูโอและการนำเสนอบันเดิล แพ็คเกจ  วางเป้าหมายผลักดันการใช้สื่อในเครือข่ายวีจีไอเพิ่มขึ้น 15-20% หรือคิดเป็นรายได้ 400-600  ล้านบาทในปีงบประมาณ 2560  (เม.ย.2560-มี.ค.2561)   

ดันรายได้ 4,000ล้านบาท

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาปีนี้ยังอยู่ในภาวะติดลบ จากสถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว อย่างไรก็ตามมองว่าสื่อโฆษณานอกบ้านและสื่อดิจิทัลยังมีแนวโน้มเติบโต เนื่องจากตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค อีกทั้งเป็นสื่อที่สามารถวัดผลจากการใช้งบประมาณ ทำให้ผู้ใช้งบโฆษณามีความมั่นใจในการลงทุนสื่อ  

เชื่อว่ากลยุทธ์ที่วีจีไอนำมาขับเคลื่อนธุรกิจในปีนี้ จะผลักดันรายได้ปีงบประมาณ 2560 ทำรายได้ 4,000 ล้านบาท หรือภาพรวมเติบโต 30% จากปีก่อนอยู่ที่ 20%  โดยวีจีไอ ครองส่วนแบ่งการตลาดสื่อนอกบ้านที่ราว 30% หากรวมบริษัทในเครือจะอยู่ที่ 40% จากมูลค่าสื่อนอกบ้าน 12,000 ล้านบาท

โดยปีนี้ วีจีไอ กรุ๊ป วางแผนใช้งบลงทุนสื่อนอกบ้านรวม 700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีมูลค่า 400 ล้านบาท สำหรับวีจีไอ ช่วงปลายปีนี้วางแผนลงทุนติดตั้งป้ายดิจิทัลในสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส 15 สถานี  โดยโปรเจคดังกล่าวจะดำเนินการต่อเนื่องถึงปี 2561 มีเป้าหมายติดตั้งจอดิจิทัล  10-20% ของป้ายโฆษณา 4,000 จุดในสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส

ออฟไลน์-ออนไลน์‘กระตุ้นซื้อ’

 ภายใต้กลยุทธ์“โอทูโอ” ที่เปิดตัวในปีนี้ มีผู้ประกอบการค้าปลีกออนไลน์จากประเทศเกาหลี  "อีเลฟเว่น สตรีท" (11street) เป็นลูกค้ารายแรก

 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการวัดผลแคมเปญดังกล่าว วีจีไอ ได้ร่วมมือกับ เดอะนีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) ได้ทำวิจัยผลการใช้สื่อต่อการรับรู้และการตัดสินใจใช้บริการของ แบรนด์อีเลฟเว่น สตรีท ที่ใช้สื่อผสมผสาน

  ระหว่างสื่อของวีจีไอ คือการซื้อสื่อโฆษณาแบบเหมาสถานี Station Takeover ครั้งแรกในประเทศไทยบนสถานีรถไฟฟ้า 3 สถานี คือ สยาม ชิดลม พร้อมพงษ์ รวมงบประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นสื่อ ออฟไลน์ ร่วมกับการซื้อสื่อออนไลน์ ที่ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการเดินทางและการจับจ่ายใช้สอยและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคจากบัตรแรทบิทการ์ด โดยซื้อออนไลน์ที่ใช้ คือ เฟซบุ๊ค กูเกิล อินสตาแกรม   

โดยงานวิจัยดังกล่าวเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 400 คนที่เป็นผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสถานีสยาม ชิดลมและพร้อมพงษ์ พบว่าการใช้สื่อโฆษณาในสถานีและรถไฟฟ้าบีทีเอสร่วมกับสื่อออนไลน์ควบคู่กันนั้น สามารถกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได้สูงถึง 60% 

ในขณะที่การเลือกใช้สื่อทีวีหรือสื่อออนไลน์เพียงอย่างเดียวสามารถกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้เพียง 27% จะเห็นได้ว่าการเลือกซื้อสื่อโฆษณาที่มีทั้งออฟไลน์และออนไลน์ร่วมกันสามารถกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้มากกว่าการเลือกใช้สื่อใดสื่อหนึ่งเพียงอย่างเดียวถึง“เท่าตัว”