Daily Market Outlook (7 ส.ค.60)

Daily Market Outlook (7 ส.ค.60)

อารมณ์ตลาดเป็นบวกทั้งโลก

คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงพุ่งขึ้น หลังจากตัวเลขว่าจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ เดือน ก.ค. ออกมาแข็งแกร่งมาก และนาย Gary Cohn ตัวเก็งที่จะเป็นประธาน Fed คนต่อไปออกมากล่าวว่า ประธานาธิบดี Trump จะลดภาษีบริษัทธุรกิจปีนี้ตามที่หาเสียงไว้ ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นหนุนหุ้นพลังงาน ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ออกไปทางลบ ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของรากหญ้าลดลงในไตรมาส 2 แต่ FTA ฉบับใหม่ อาเซียน-ฮ่องกง จะทำให้การค้าและการลงทุนในภูมิภาคขยายตัวเป็นอันมาก น้ำท่วมรุนแรงในภาคอีสาน ยังความเสียหายแก่ประชาชนเป็นอันมาก แต่ก็จะตามมาด้วยการซ่อมแซมและก่อสร้าง เป็นบวกต่อวัสดุก่อสร้าง

หุ้นเด่นวันนี้: TTA (ราคาปิด 8.75; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS 13.00 บาท)

TTA เป็น Pick of the day ของเรา จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index) หลังจากลงไปถึงจุดต่ำสุดของรอบนี้ที่ 820 จุด ท่ามกลางไฮซีซั่นของการส่งออก จากการที่ตัวเลขด้านการผลิตหรือ PMI ของทั้งโลกดีขึ้น ทั้งสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ราคาคอมมอดิตี้สำคัญ ๆ ทั้ง ถ่านหิน เหล็กและค่าระวางเรือปรับตัวดีขึ้น ค่าเฉลี่ย BDI ไตรมาส 1/60 และ 2/60 อยู่ที่ 945 และ 1,006 จุดตามลำดับ ซึ่งเริ่มเข้าสู่ทิศทางที่เราคาดการณ์ไว้อย่างระมัดระวัง BDI เฉลี่ยที่ 1,000 จุด ในปี 2560 และ 1,200 จุด ในปี 2561 ซึ่งพลิกจากระดับ 673 ในปี 2559 และ 718 ในปี 2558 เมื่อดัชนี BDI มีทิศทางที่ดีขึ้น บจ.ต่าง ๆ จะเริ่มทำสัญญาเช่าเรือระยะยาวมากขึ้น เราคาดธุรกิจเดินเรือของ TTA กลับมามีกำไรในปีนี้ราว 1.54 พันล้านบาทในปี 2560 (กำไรราว 50% มาจากเดินเรือ ส่วนที่เหลือเป็นธุรกิจเรือสำรวจขุดเจาะ ปุ๋ยในเวียดนาม และเทรดดิ้งถ่านหิน) และเราคาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นอีก 14% เป็น 1.76 พันล้านบาทในปี 2561 โดยราคาเป้าหมายของเราอยู่ที่ 13.00 บาทซึ่งอิงค่า PBV ที่ 1.1 เท่าปี 2560 เทียบกับ PBV ปัจจุบันที่ต่ำเพียง 0.8 เท่า จุดเด่นของ TTA คือ BV ที่มีอยู่ในปัจจุบันคิดเป็นเงินสดมากถึงราว 5.3 บาทต่อหุ้น ยังมี upside 48% Price Pattern ของ TTA ยังคงมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Sell Signal เพียงแต่ Price Pattern ของ TTA จะกลับมาเกิดความแข็งแกร่งระยะสั้นจากการกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ได้สำเร็จ Price Pattern ของ TTA ต้องปิดตลาดที่ 8.80 บาทได้เป็นอย่างน้อย ซึ่งในกรณีที่ Price Pattern ของ TTA สามารถกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ได้สำเร็จ พิจารณาจาก Price Pattern ของ TTA ในระยะสั้นนั้นมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 11 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 13.40 บาท (Resistance: 8.80, 8.90, 8.95; Support: 8.70, 8.65, 8.55)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานรากไตรมาส 2/60 ลดลง อยู่ที่ 46.3 จากไตรมาส 1/60 ที่ 47.2 แต่เพิ่มขึ้นจาก 44.1 ในไตรมาส 2/59 สาเหตุของการปรับตัวลงQoQมาจากประชาชนระดับฐานรากยังรู้สึกกังวลว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า รวมถึงราคาสินค้าและค่าครองชีพที่สูงขึ้น (ไทยโพสต์)

• 20 อำเภอของ จ.ร้อยเอ็ด ถูกประกาศให้เป็นเขตภัยพิบัติน้ำท่วม โดยมีกว่า 71,469 ครัวเรือน และที่ดินเพาะปลูกจำนวน 612,033 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นนาข้าว และถนนกว่า 7 สายได้รับผลกระทบ (บางกอกโพสต์)

• รัฐมองบวกต่อข้อตกลงการค้าเสรี รองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คาดข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง (Asean-Hong Kong Free Trade Area) จะลงนามได้ภายในสิ้นปีนี้ หวังยกระดับการค้าและการลงทุนในภูมิภาค (บางกอกโพสต์)

ต่างประเทศ:

• ปธน.ทรัมป์ให้คำมั่นจะปฏิรูปก.ม.ภาษีก่อนสิ้นปีนี้ จากการเปิดเผยของนาย Gary Cohn ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่แข่งขันของผู้ชิงตำแหน่งประธานเฟดสมัยหน้า ซึ่งอีกรายหนึ่งคือนางเยลเล็น Cohn เผยเมื่อวันศุกร์ว่า อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสหรัฐที่ 35% (ปัจจุบันจัดเก็บที่ 38.9%) จะเป็นไปตามอัตราเฉลี่ยขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ที่ 24% มากกว่า (Reuters&Bloomberg)

• คณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือครั้งใหม่ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งอาจตัดรายได้จากการส่งออกถึง 1 ใน 3 จากมูลค่าส่งออกรายปีของเกาหลีเหนือราว 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) 2 ครั้งเมื่อเดือนก.ค. (Reuters)

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ จากข้อมูลการจ้างงานสหรัฐในเดือนก.ค. ที่แข็งแกร่ง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นอยู่ที่ 2.26% จากที่ระดับ 2.23% เมื่อวันพฤหัส ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนระหว่างพันธบัตรอายุ 5 ปีและ 30 ปี ชันขึ้นอยู่ที่ 102 bps (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อวันศุกร์ โดยปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบวันเทียบกับสกุลเงินหลักในปีนี้ หลังจากมีรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเดือนก.ค.ที่แข็งแกร่ง และความเห็นจากนาย Gary Cohn ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจเกี่ยวกับการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นราว 1% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์อยู่ที่ 93.774 (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันศุกร์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน 8 วัน โดยหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังมีข้อมูลแสดงว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค. (Reuters)

• ตัวเลขการจ้างงานสดใส การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่ง อัตราการว่างงานลดลงอยู่ที่ 4.3% ในขณะที่ค่าจ้างรายชั่วโมงเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน (Reuters)

• นักวิเคราะห์คาดกำไรไตรมาส 2/60 ของบริษัทใน S&P500 โดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น 12% เทียบกับช่วงต้นเดือนก.ค. ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8.0% และได้ประมาณการกำไรเฉลี่ยไตรมาส 3/60 จะเพิ่มขึ้น 9.3% (Thomson Reuters I/B/E/S)

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปปิดรายสัปดาห์ค่อนข้างแข็งแกร่ง เนื่องจากค่าเงินยูโรที่อ่อนลงช่วยหนุนกลุ่มส่งออก ขณะที่นักลงทุนให้ความสนใจกับผลการดำเนินงานของบริษัท (Reuters)

เอเชีย:

• ฟิลิปปินส์จะหาข้อตกลงในอาเซียนเกี่ยวกับกรณีเกาหลีเหนือ หลังจากมีแรงกดดันจากสหรัฐที่จะโดดเดี่ยวเกาหลีเหนือจากกรณีเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธ ในฐานะที่เป็นประธานอาเซียน ฟิลิปปินส์จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศจาก 27 ประเทศเพื่อหารือในประเด็นต่าง ๆ (Reuters)

• คะแนนสนับสนุน นายกฯ ญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะ ปรับตัวขึ้นหลังจากการปรับเปลี่ยน ครม. เปิดเผยโดยโพลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้ช่วยหนุนอำนาจของเขาแข็งแกร่งขึ้นไปอีก แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีข่าวลือ รวมถึงความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งในโตเกียวก็ตาม (Reuters)

• นักลงทุนรอดูข้อมูลในสัปดาห์หลังจากนี้ ซึ่งอาจจะเผยถึงการเติบโตของจีนในเดือน ก.ค. อย่างมั่งคง แม้การเติบโตเศรษฐกิจดังกล่าวจะเพิ่มความเป็นไปได้ของนโยบายทางการเงินแบบตึงตัวก็ตาม (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งอาจจะช่วยหนุนอุปสงค์พลังงาน โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับขึ้น 41 เซนต์ (+0.8%) อยู่ที่ 52.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปรับเพิ่มขึ้น 55 เซนต์ (+1.1%) อยู่ที่ 49.58 ดอลลาร์ (Reuters)

• ทองร่วง 1% เมื่อวันศุกร์ หลังจากตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งหนุนดอลลาร์ และอาจเปิดโอกาสให้เฟดเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ ราคาทองคำตลาดจรปรับลง 0.8% อยู่ที่ 1,257.66 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองล่วงหน้าลดลง 0.8% อยู่ที่ 1,264.60 ดอลลาร์ (Reuters)