คลังมั่นใจ 'แบงก์ชาติ' ดูแลค่าเงินบาทได้

คลังมั่นใจ 'แบงก์ชาติ' ดูแลค่าเงินบาทได้

"รมว.คลัง" มั่นใจ "แบงก์ชาติ" ดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินไปได้ เชื่อไม่กระทบภาคการส่งออกช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมแนะผู้ส่งออกทำป้องกันความเสี่ยงค่าเงินที่ผันผวน

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง  กล่าวภายหลังเปิดงาน "ไทยแลนด์ อินเวสเม้นท์ เฟสท์ 2017" ว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาคในขณะนี้เกิดจากการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศ ซึ่งมาจาก 2 ทาง คือ ดุลการค้าของไทยเกินดุลเฉลี่ยเดือนละ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  และ มีเงินลงทุนไหลจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทยหลายดีล โดยเฉพาะดีลใหญ่ที่มาลงทุนในธุรกิจสถาบันการเงินและบริษัทประกันภัยในประเทศ 2 ราย วงเงินรวม 10,000-30,000 ล้านบาท แต่เชื่อว่าการแข็งค่าของเงินบาทจะเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว และมั่นใจว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินความจำเป็น
 
"เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบการส่งออกไทยในครึ่งหลังของปีนี้ เพราะผู้ส่งออกรายใหญ่มีการป้องกันความเสี่ยง แต่ที่มีผลกระทบมากคือผู้ส่งออกรายเล็กที่มีการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ เพื่อผลิตส่งออก ดังนั้นผู้ส่งออกควรทำป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินที่ผันผวน ไม่ใช่เปิดเก็งกำไรโดยคาดการณ์ว่าค่าเงินจะอ่อนหรือแข็งในอนาคต เพราะการค้าขายก็ต้องดูแล บริหารจัดการไม่ให้เกิดความเสี่ยง"
 
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า คลังได้มีการตั้งคณะทำงานร่วมกับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อศึกษาแนวทางการจัดทำระบบการรู้จักตัวตนของลูกค้า (เควายซี) ของสถาบันการเงิน ที่ในหลายประเทศดำเนินการอยู่ โดยระบบดังกล่าวไม่จำเป็นต้องให้ลูกค้าเดินทางไปยังสาขา แต่สามารถให้ข้อมูลระหว่างลูกค้าและสถาบันการเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยตรงทั้งการฝาก ถอนและการขอสินเชื่อต่างๆ

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงินที่สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ขณะเดียวกัน จะเป็นการลดต้นทุนการบริหารจัดการด้านบุคคลากรและสาขาที่ปัจจุบันมีต้นทุนสูงที่สุดในขณะนี้ ทุกภาคส่วนจึงจำเป็นต้องพัฒนาคุณภาพการให้บริการเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น รวมไปถึงการป้องกันการฟอกเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย