คปภ.ตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคอีสาน

คปภ.ตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคอีสาน

คปภ.ตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคอีสาน ผนึกกำลังทุกฝ่ายเร่งรัดจ่ายสินไหมเยียวยาและช่วยเหลือ เบื้องพบพื้นที่นาข้าวเสียหาย20%

คปภ.ตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคอีสาน ผนึกกำลังทุกฝ่ายเร่งรัดจ่ายสินไหมเยียวยาและช่วยเหลือ เบื้องพบพื้นที่นาข้าวเสียหาย20% ล่าสุดในงานมหกรรมประกันชีวิตปีนี้ฝากการบ้านภาคธุรกิจผลักดันอัตราการถือครองกรมธรรม์ต่อจีดีพีเพิ่มเป็น50%จากปัจจุบัน37% ชี้ตลาดประกันชีวิตปีนี้ยังโตดี

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ. )เปิดเผยว่า ขณะนี้ คปภ. ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคอีสาน และส่งผู้อำนวยการประกันภัยภาค 3 (จ.สกลนครและขอนแก่) เข้าไปประสานงาน เพื่อช่วยเร่งรัดการจ่ายสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัยที่ประสบภัยน้ำท่วมภาคอีสานรอบนี้เร็วขึ้น ทั้งการประกันภัยข้าวนาปี และประกันภัยทรัพย์สิน ขณะที่ในส่วนของการประกันชีวิตช่วยเหลือประชาชนในแง่ CSR รวมถึงประสานงานบริษัทประกันภัยให้คำแนะนำประชาชนใช้ระบบประกันภัยในการบริหารความเสี่ยงในอนาคต

พร้อมกันนี้คปภ. ยังติดตามสถานการณ์ภัยน้ำท่วมาปีนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากน้ำท่วมในภาคอีสานปีนี้ มองว่า เริ่มหนักและมาเร็วขึ้น เบื้องต้นพบความเสียหายในส่วนของพื้นที่ปลูกข้าวในจ.สกลนคร เสียหาย20%ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงเริ่มต้นเพาะปลูกข้าวในพื้นที่ดังกล่าว หากเกษตรกรชาวนามีการซื้อความคุ้มครองประกันภัยข้าวนาปีจะได้รับความคุ้มครอง

"ขอให้ผู้ประสบภัยในพื้นที่ดังกล่าวสำรวจกรมธรรม์ที่ถืออยู่ยังมีอายุความคุ้มครองหรือไม่ หากยังมีความคุ้มครองขอให้รีบติดต่อ คปภ. ทางสายด่วนประกันภัย1186 ซึ่งคปภ. จะเป็นผู้ประสานงานและเร่งรัดดูแลผู้เอาประกันให้ต่อไป"

ล่าสุด ในงานมหกรรมประกันชีวิต ครั้งที่ 18 ( Link to a Better life) จัดขึ้นระหว่างวันที่29-30ก.ค.นี้ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาเวสตเกต นายสุทธิพล กล่าวด้วยว่า การประกันชีวิตยังมีความสำคัญสำหรับคนไทย ช่วยบรรเทาความเดือนร้อนทั้งด้านการเงินและครอบครัว หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้ ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ถือว่าตอบโจทย์ "การประกันชีวิต เป็นการประกันอนาคต" จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปมีความต้องการความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพเพิ่มขึ้นมาช่วยบริหารความเสี่ยง อีกทั้งการแข่งขันในตลาดอย่างเป็นธรรมเพิ่มขึ้นด้วย

ดังนั้น ในปีนี้ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิต ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ภาวะเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวก็ตาม โดยเบี้ยรับรวมประกันชีวิตไตรมาสแรกปีนี้ยังเติบโตถึง6% คิดเป็นเม็ดเงิน148,911ล้านบาท มีอัตราการถือครองกรมธรรม์ต่อจีดีพีที่37.32% ยังเติมโตตามแผนพัฒนาประกันภัยฉบับที่3 แต่หวังว่า ในปีหน้าอัตราการถือครองกรมธรรม์ต่อจีดีพีจะเพิ่มขึ้นที่50% อยากฝากเป็นการบ้านให้ภาคธุรกิจช่วยกันผลักดันด้วย

นายสาระ ล่ำซำ อุปนายกฝ่ายการตลาดสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตปีนี้เบี้ยรับรวมยังเติบโตได้5-6% แม้เบี้ยใหม่ยังเติบโตไม่มาก แต่การประกันชีวิตยังตอบโจทย์ความต้องการ ของคนไทย ด้วยความคุ้มครองที่หลากหลาย ซึ่งบริษัทต่างๆพยายามเข้าไปให้คำแนะนำวางแผนประกันชีวิต
พบว่า แบบประกันส่วนควบสุขภาพและโรคร้ายแรง ความคุ้มครองตลอดชีพ สะสมทรัพย์ และออมเงินเพื่อการเกษียณ ยังคงได้รับความนิยมในปีนี้

ขณะเดียวกันช่องทางตัวแทนและแบงก์แอสชัวรันส์ยังเป็นหลักแต่จะมีช่องทางใหม่ๆเข้ามาสนับสนุนการขายมากขึ้น อย่างเช่น ช่องทางดิจิตอล ซึ่งจะต้องมีการออกฎหมายควบคู่กับความคุ้มครองมารองรับการพัฒนาในระยะถัดไป

สำหรับงานมหกรรมประกันชีวิตในปีนี้ ถือว่า เป็นนาทีทองของประชาชนที่จะกำลังสนใจเกี่ยวกับการประกันชีวิต เพราะเป็นศูนย์รวมของนวัตกรรมด้านประกันชีวิต ที่คนทุกเพศทุกวัย สามารถเลือกแบบประกันที่สอดคล้องกับความต้องการและมีกิจกรรมร่วมสนุกชิงรางวัลมากมาย คาดว่าผลตอบรับดีต่อเนื่องจากการจัดมหกรรมเมื่อปีที่ผ่านมา มีจำนวนกรมธรรม์ทั้งสิ้น 875 กรมธรรม์คิดเป็นเบี้ยประกัน 21.5ล้านบาท จำนวนเงินเอาประกันทั้งสิ้น186.4 ล้านบาท