‘บีเอชเอ็มเอเชีย’รุกโตเวียดนาม-อินโดฯ

‘บีเอชเอ็มเอเชีย’รุกโตเวียดนาม-อินโดฯ

บีเอชเอ็มเอเชีย รุกแผนนำ 3 แบรนด์โรงแรมสยายปีกรับบริหารต่างประเทศ บุกเวียดนาม-อินโดฯ หลังปักธงในไทย 45 แห่ง ชูกลยุทธ์สร้างเอกลักษณ์แบรนด์แตกต่างคู่แข่ง

นายแอนโทนี่ แม็คโดนัลด์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บีเอชเอ็มเอเชีย กล่าวว่าวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจรับบริหารโรงแรมไปต่างประเทศมากขึ้น โดยเริ่มมองไปที่ 2 ประเทศแรกได้แก่ เวียดนาม และอินโดนีเซีย หลังจากมั่นใจในการสร้างความแข็งแกร่งในการรับบริหารโรงแรมในประเทศผ่าน 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ ครอสทู, ครอสทูไวบ์ และอเวย์ จนมีโรงแรมในเครือกว่า 45 แห่งในปัจจุบัน นับจากการเริ่มดำเนินธุรกิจรับบริหารมา 8 ปี

ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ไปเปิดสำนักงานที่โฮจิมินห์เพื่อดูแลด้านการบริหารจัดการ เนื่องจากเป็นทำเลที่มีเป้าหมายมากที่สุดรองจากไทย ขณะนี้มีโรงแรมที่กำลังพัฒนาอยู่ 6 แห่ง และปลายปี 2561 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 12-14 แห่ง และทยอยเปิดให้บริการในปีหน้า 4 แห่ง ส่วนอินโดนีเซีย มีโครงการอยู่ 3-4 แห่งในบาหลี, ลอมบอก และจาการ์ต้า

สำหรับโรงแรม 45 แห่งในไทยนั้น แบ่งเป็นโรงแรมที่เปิดให้บริการแล้ว 20 แห่ง และอยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 25 แห่ง ปีนี้มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 80% ทั้งนี้ กลยุทธ์ในการบริหารโรงแรมในเครือ จะเน้นด้านการยกระดับรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPar) มากกว่า โดยตั้งแต่ต้นปีเติบโตแล้วกว่า 30% เป็นผลมาจากการพัฒนาแบรนด์ให้มีจุดเด่นทำให้ลูกค้าต้องการเลือก และพร้อมจับจ่ายแม้จะมีราคาเฉลี่ยสูงกว่า เพราะรับรู้ว่าสามารถรับบริการที่แตกต่างจากคู่แข่งที่มีอยู่ในท้องตลาด

เช่นเดียวกับ โครงการครอสทูไวบ์ กรุงเทพฯ สุขุมวิท ที่เป็นการนำแบรนด์นี้มาเปิดตัวในกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ย่านอ่อนนุช โดยสามารถทำราคาห้องพักได้ราว 2,500 บาท สูงที่สุดในรอบรัศมีอ่อนนุข-สี่แยกบางนา ที่ราคาห้องพักเฉลี่ยอยู่ที่ 1,400-1,800 บาท หลังจากเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยราว 60-70% ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ โดยมั่นใจว่าจะมีการตอบรับที่ดี เนื่องจากในละแวกนี้ยังมีโรงแรมเพียง 20-30 แห่ง และส่วนใหญ่ยังไม่ใช่แบรนด์ที่มาจากเชนใหญ่ ขณะที่ทำเลใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้สะดวกต่อการเดินทางด้วย

นอกจากนั้น เมื่อวิเคราะห์ความต้องการของตลาด พบว่าการวางตำแหน่งทางการตลาดของครอสทูไวบ์ที่ระดับกลาง เน้นตอบสนองกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นหลัก จะเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะจากตลาดเอเชีย ดังนั้นจะเป็นแบรนด์ที่มีจำนวนมากที่สุดได้ในอนาคต ขณะนี้มีอยู่ในพอร์ตแล้ว 8-9 แห่ง และคาดว่าจะเพิ่มได้อีก 6-8 แห่งได้ในเร็วๆ นี้

นายแอนโทนี่ กล่าวถึงกรณีการควบรวมกิจการกับ ไฟลท์ เซ็นเตอร์ ทราเวล กรุ๊ป ซึ่งเป็นธุรกิจท่องเที่ยวรายใหญ่ระดับนานาชาตินั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ เนื่องจากจะมีการประชุมร่วมกับบริษัทผู้ถือหุ้นถึงแผนธุรกิจร่วมกันอีกครั้ง แต่มั่นใจว่าการควบรวมกิจการจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายการจัดจำหน่าย เห็นได้จากเทรนด์ของการควบรวมกิจการระหว่างเชนใหญ่ อาทิ แมริออท และสตาร์วูดส์ เป็นต้น

ทั้งนี้ สำหรับโรงแรมครอสทูไวบ์ กรุงเทพฯ สุขุมวิท มีห้องพักรวม 266 ห้อง โดยในจำนวนดังกล่าวมี 145 ห้องที่ให้บริการในรูปแบบเซอร์วิส เรสซิเดนซ์ 121 ห้อง ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการเข้าพักระยะยาวด้วย โดยวางเป้าหมายรองรับฐานลูกค้าอายุ 25-40 ปี