รายใหญ่ซื้อหุ้น 'จีสตีล'

รายใหญ่ซื้อหุ้น 'จีสตีล'

"รายใหญ่" ซื้อหุ้นจีสตีล ก่อนขายเพิ่มทุนกลุ่มฮ่องกง

จากการรวบรวมข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ในส่วนแบบรายการได้มาหุ้นบริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) GSTEL ล่าสุดพบว่า ณัฐพล จุฬางกูรนักลงทุนรายใหญ่และมีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 ของบริษัท ซึ่งได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นจีสตีล 0.29% ส่งผลให้จำนวนการถือครองแตะระดับ 5.2%

ก่อนหน้านี้ บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) GSTEL แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่าบริษัทจะเพิ่มทุนไม่เกิน 2.77 หมื่นล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม และรองรับการแปลงหนี้เป็นทุน ในราคาหุ้นละ 0.1961 บาทเท่ากัน จะจัดสรรหุ้น 3.43 พันล้านหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ กำหนดจองซื้อในวันที่ 15 พ.ย.-15 ธ.ค.2560หุ้นเพิ่มทุนอีกไม่เกิน 2.18 หมื่นล้านหุ้น ให้กลุ่ม Asia Credit Opportunities I (Mauritius) Limited (ACO I) ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของ SSG Capital Holdings Limited (SSG CH), SSG Capital Partners III, L.P. (SSG III) และ Kendrick Global Limited (KG) หรือรวมเรียกว่า กลุ่ม SSG ซึ่งการจัดสรรหุ้นให้กลุ่ม SSG เพื่อชาระหนี้การค้าสุทธิ123.90 ล้านดอลลาร์หรือ 4.28 พันล้านบาท ตามโครงการแปลงหนี้เป็นทุน หลังแปลงหนี้เป็นทุน กลุ่ม SSG จะถือหุ้น 76.09% และจะทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดใน GSTEL

รวมทั้ง บริษัท จี เจ สตีล จากัด (มหาชน) GJS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัทจีสตีล ก็จะเพิ่มทุนเช่นกัน จำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 3.79 พันล้านหุ้น เพื่อชำระหนี้การค้า และรองรับการปรับสิทธิวอร์แรนท์ GJS-W2, GJS-W3 และ GJS-W4 ในจำนวนนี้จะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 3.34 พันล้านหุ้นให้กลุ่ม SSG ตามแผนแปลงหนี้เป็นทุนในราคา 0.34 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่า 1.14 พันล้านบาท

ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินว่า การเพิ่มทุนครั้งนี้ผู้ถือหุ้นจะได้รับผลกระทบจากการเพิ่มทุนจำนวนมาก ดังนั้น มีโอกาสเป็นไปได้ว่า การที่นักลงทุนรายใหญ่ทยอยเพิ่มสัดส่วนอาจจะเป็นเพราะต้องการรักษาสัดส่วนการถือหุ้นไว้ หรือต้องการเก็งกำไรราคาหุ้นหลังจากได้รับผลกระทบจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ ขณะเดียวกันอาจประเมินว่า หลังจากมีการแแปลงหนี้เป็นทุนแล้วลดภาระอาจมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งราคาหุ้นที่ซื้อขายอยู่ในปัจจุบันมีระดับใกล้เคียงกับมูลค่าหุ้นตามบัญชี

สอดคล้องกับ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มีความเห็นว่า GSTEL การเพิ่มทุน 2ต่อ1 และแปลงหนี้เป็นทุนจะทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มจาก 6,850 ล้านหุ้นเป็น 32,075 ล้านหุ้น และมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นจะลดลงเหลือ 0.37 บาทต่อหุ้น จาก 0.50 บาท จึงเกิด Dilution effect อย่างมาก

ส่วนในแง่พื้นฐานนั้น บล.เอเชีย เวลท์ ให้ความเห็นว่า ช่วงนี้หุ้นเหล็กปรับตัวขึ้น เนื่องจากคาดการณ์ความต้องการเหล็กในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากโครงการขนาดใหญ่ แต่จะแนะนำให้นักลงทุนซื้อขายด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจเป็นบวกระยะสั้น นอกเหนือจากปัจจัยที่คาดการณ์ไว้ ก็ยังมีเรื่องค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจะมีผลต่อรายได้ของ GSTEL เช่นกัน โดยเงินบาทในช่วงไตรมาส 2/2560 ทิศทางแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก แม้เป็นบวกต่อ GSTEL แต่ก็ไม่สำคัญเท่าผลการดำเนินงานหลัก นอกจากนี้ ภารกิจของ GSTEL จากนี้ จะต้องเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะคู่แข่งที่สำคัญจากจีน และเวียดนาม ที่เข้ามาบุกตลาดในไทย

สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นจีสตีลในรอบเดือนก.ค. 2560 พบว่าราคาหุ้นปรับลดลง 27.66% จากราคา 0.47 บาทเหลือ 0.34 บาทต่อหุ้นโดยราคาสูงสุดเคยปรับตัวขึ้นไปที่ 0.54 บาทต่อหุ้น ขณะที่ราคาต่ำสุดอยู่ที่0.33  บาทต่อหุ้น และ ราคาเฉลี่ย 0.45บาท ล่าสุดราคาหุ้นอยู่ที่ 0.34 บาทต่อหุ้น 

นอกจากนี้ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ระบุว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 8.2 พันล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1.24 พันล้านบาท หุ้นจีสตีลมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 7.19% ขณะที่มูลค่าตามบัญชีอยู่ที่ 0.50 บาท และค่าพีอีเรโชอยู่ที่ 9.89เท่า ราคาต่อมูลค่าทางบัญชีอยู่ที่ 0.69 เท่า