'บล.กสิกร' ชี้วอลุ่มเทรดอัตโนมัติแตะ2พันล.

'บล.กสิกร' ชี้วอลุ่มเทรดอัตโนมัติแตะ2พันล.

บล.กสิกรชี้ "วอลุ่มเทรด" อัตโนมัติแตะ2พันล.

บล.กสิกรไทยเปิดโปรแกรมซื้อขายหุ้นอัตโนมัติให้กับกลุ่มนักลงทุนรายบุคคล ตั้งเป้าดึงเงินภายใต้การบริหาร 400 ล้านบาท ประเมินแนวโน้มรูปแบบการเทรดเติบโตดี ล่าสุดวอลุ่มเทรดโปรแกรมอัตโนมัติแตะ 2 พันล้านบาทต่อปี

นายสุทธิสิทธิ์ แจ่มดี รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทเปิดให้บริการการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านโปรแกรมอัตโนมัติ KS Automated Trading System กับนักลงทุนรายบุคคลเป็นครั้งแรก โดยใช้กลยุทธ์การซื้อขายให้ทำกำไรในช่วงตลาดขาขึ้น ตั้งเป้าหมายจะมียอดการเข้าใช้บริการผ่านโปรแกรมไม่เกิน 400 ล้านบาท ขณะที่มีนักลงทุนเทรดผ่านโปรแกรมเทรดของบริษัทรวม 2 พันล้านบาทต่อปี 

“บล.กสิกรไทยหันมาให้บริการระบบการซื้อขายอัตโนมัติกับนักลงทุนรายบุคคลเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นผู้เล่นรายที่ 3ในตลาดที่ให้บริการดังกล่าว และมองว่านักลงทุนมีความเข้าใจการลงทุนผ่านโปรแกรมอัตโนมัติมากขึ้น และตลาดหลักทรัพย์ผ่อนคลายการใช้โปรแกรมแล้ว”

สำหรับโปรแกรมทำการซื้อขายหลักทรัพย์อัตโนมัติของบริษัทจะใช้กลยุทธ์การรักษาเงินต้นและเน้นทำกำไรในตลาดขาขึ้นจะมีการตัดขาดทุนที่เร็วกว่าปกติ และหยุดทำการซื้อขายหากราคาหุ้นปรับตัวลดลงรุนแรง กลยุทธ์การลงทุนเฉพาะในหุ้นกลุ่มเซท 100 เท่านั้นจากการทดสอบย้อนหลัง 12 ปีพบว่าการใช้กลยุทธ์ดังกล่าวให้ผลตอบแทนกับนักลงทุนในระดับ12 % ต่อปี สูงกว่าค่าเฉลี่ยผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ที่ 8% ต่อปี ทั้งนี้บริษัทกำหนดเกณฑ์การลงทุนขั้นต่ำของนักลงทุนต่อรายที่ 10 ล้านบาทขึ้นไป

การลงทุนผ่านโปรแกรมซื้อขายอัตโนมัตินั้น นักลงทุนต้องทำความเข้าใจกับระบบการซื้อขายของแต่ละบริษัทที่ถูกออกแบบมาให้กับนักลงทุน รวมถึงการกำหนดกลยุทธ์ให้ครบถ้วน เพื่อให้รูปแบบการลงทุนของโปรแกรมนั้นสอดคล้องกับกลยุทธ์และผลตอบแทนที่นักลงทุนคาดหวัง โดยปัจจุบันมีระบบเพื่อป้องกันความเสียหายที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับอดีต

นอกจากนี้การที่จากภาวะตลาดหุ้นที่แกว่งตัวในกรอบแคบ ทำให้การเติบโตสินค้าประเภทหุ้นกู้อนุพันธ์ มีการเติบโตอย่างมากพบว่า ปัจจุบันมีมูลค่าการจำหน่ายหุ้นกู้อนุพันธ์ในช่วงครึ่งปีแรก เติบโตจากปีก่อน 53 % จากปี 2559 ที่เติบโตระดับ 50 % โดยผลตอบแทนผู้ลงทุนหุ้นกู้อนุพันธ์ในปีนี้อยู่ในระดับที่ดีที่ 9.59 % ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนที่ให้ผลตอบแทน 8 %