สปท.ผ่านแผนปฏิรูปกิจการตำรวจ ชงเสนอเพิ่มค่าตอบแทนสร้างขวัญกำลังใจ เผยตร.เครียดฆ่าตัวตาย ปี 57-59 รวมกว่า 100 คน
ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) มีนายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสปท. ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สปท. เรื่องการปฏิรูประบบงบประมาณกิจการตำรวจ เพื่อยกระดับความปลอดภัยของประชาชน โดยพล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ประธานอนุกรรมาธิการการ ได้ชี้แจงถึงสภาพปัญหาการขาดแคลนอัตรากำลังพล ยานพาหนะ และเชื้อเพลิงของสถานีตำรวจทั่วประเทศ ว่า อัตรากำลังพลขาดอยู่ 43,708 อัตรา จากจำนวนกำลังพลที่มีความจำเป็น 179,239 อัตรา รถยนต์ขาดอยู่ 18,892 คัน จากจำนวนความจำเป็นที่ต้องมี 24,775 คัน รถจักรยานยนต์ขาดอยู่ 12,626 คัน จากจำนวนความจำเป็นที่ต้องมี 49,658คัน การขาดแคลนดังกล่าวส่งผลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่สามารถจัดวางกำลังในสายงานต่างๆโดยเฉพาะในเขตพื้นที่นครบาลที่มีกำลังสายตรวจอยู่เพียง 12,204 คน ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการป้องกันอาชญากรรม
พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันยังมีปัญหาขาดแคลนเงินค่าตอบแทนการสอบสวนคดีอาญาของพนักงานสอบสวน เนื่องจากการทำสำนวนสอบสวน การรวบรวมพยานหลักฐานมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก แต่พนักงานสอบสวนต้องสำรองเงินส่วนตัวออกไปก่อน บางคดีไม่สามารถเบิกจ่ายกลับคืนมาได้ เป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนไม่อยากรับคดีเพราะจะมีค่า ใช้จ่ายตามมา ซึ่งปัจจุบันมียอดค้างการจ่ายค่าตอบแทนการทำสำนวนสอบสวนของพนักงานสอบสวน สะสมมาตั้งแต่ปี2556-ปัจจุบันเป็นจำนวนถึง 729 ล้านบาท จึงบั่นทอนประสิทธิภาพและขวัญกำลังใจพนักงานสอบสวนอย่างมาก นอกจากนี้ยังพบปัญหาเงินเดือนและค่าตอบแทนตำรวจสายปฏิบัติการไม่เหมาะสมกับภารกิจและความรับผิดชอบ และยังมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต บาดเจ็บมากกว่าข้าราชการพลเรือนอื่นๆ ถึง 13-56-22 เท่า แต่ได้รับเงินเดือนน้อย ทั้งที่ประเทศอื่นๆให้เงินเดือนตำรวจมากกว่าข้าราชการพลเรือนอื่นๆ จากความตรากตรำของตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างหนัก จนเกิดความเครียด ทำให้มีสถิติตำรวจฆ่าตัวตายบ่อยครั้ง โดยปี2557 มีตำรวจฆ่าตัวตาย 40 คน ปี2558 จำนวน38 คน ปี2559 จำนวน 35 คน รวม3ปี มีตำรวจฆ่าตัวตาย 113 คน
พล.ต.อ.วรพงษ์กล่าวว่า กมธ.มีข้อเสนอการปฏิรูปตำรวจว่า ควรจัดสรรงบประมาณค่าตอบแทนสอบสวนคดี อาญาของพนักงานสอบสวนในแต่ละปีให้ครบถ้วนตามจำนวนคดีที่เกิดขึ้นจริง ไม่มียอดค้างชำระ ตลอดจนการปรับเงินประจำตำแหน่งของพนักงานสอบสวนให้เทียบเท่ากับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมอื่นเช่น ศาล อัยการ ป.ป.ช. กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นอกจากนี้ควรปรับค่าตอบแทนตำรวจให้เหมาะกับความเหน็ดเหนื่อยและความเสี่ยงภัย อาทิ การเพิ่มเงินประจำตำแหน่งสำหรับตำแหน่งที่มีความเสี่ยงภัย การเพิ่มเงินประจำตำแหน่งแก่ตำรวจที่ต้องเหน็ดเหนื่อยตราก ตรำตามจำนวนชั่วโมงการทำงานที่เพิ่มขึ้นให้เกินกว่าเกณฑ์มาตรฐานการทำงานของข้าราชการพลเรือน
ทั้งนี้สมาชิกสปท.ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุนหลักการรายงานฉบับนี้ โดยเห็นด้วยให้เพิ่มอัตรากำลังพล และปรับค่าตอบแทนต่างๆให้เหมาะ สม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขวัญกำลังใจตำรวจในการปฏิบัติงาน จากนั้นที่ประชุมสปท.ลงมติเห็นชอบรายงานด้วยคะแนน 129 ต่อ1 งดออกเสียง16 ส่งรายงานให้ครม.และคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ที่มีพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน พิจารณาต่อไป