เร่งหามาตรการดันวอลุ่ม 'สินค้าเกษตร'

เร่งหามาตรการดันวอลุ่ม 'สินค้าเกษตร'

ตลาดหลักทรัพย์เล็งหามาตรการ"กระตุ้น" การซื้อขายสินค้าเกษตรเพิ่ม หลังควบรวม 1 ปี ปริมาณซื้อขายพุ่งจาก10สัญญาต่อวันเป็น100 สัญญาต่อวัน แต่ยังอยู่ระดับต่ำเมื่อเทียบกับการซื้อขายทั้งตลาด

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าช่วง1ปีที่ผ่านมา การควบรวมกันระหว่างตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET)และ ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(TFEX) มีการเติบโตของมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันระดับ 100 สัญญา เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีมูลค่าการซื้อขาย 10 สัญญาต่อวัน แต่ถ้าเทียบกับปริมาณการซื้อขายของสินค้าประเภทอื่นๆถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำเกินไป ดังนั้นจึงต้องทบทวนและหามาตรการกระตุ้นการซื้อขายมากขึ้น

“การเติบโตของซื้อขายสัญญาล่วงหน้าหน้าในสินค้าเกษตรนั้น มีทิศทางที่เติบโตขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะในสินค้าเกษตรยางแผ่นรมควัน ที่มีการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 100 สัญญาต่อวัน”

ทั้งนี้การเติบโตของมูลค่าการซื้อขายจะขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าที่ใช้อ้างอิง เนื่องจากสินค้าอ้างอิงเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ หากราคามีเสถียรภาพมากขึ้นเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นไปด้วยในการซื้อขายของนักลงทุนไทย ยังเน้นการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าในตลาดต่างประเทศมากกว่าจะซื้อขายในประเทศส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการใช้เงินสกุลดอลลาร์ในการซื้อขาย ขณะที่ไทยยังใช้เงินสกุลบาทในการซื้อขาย ทำให้ต้องหาสิ่งดึงดูดเพื่อให้นักลงทุนกลับมาซื้อขาย

ในฝั่งของตลาดหลักทรัพย์จะร่วมมือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงพาณิชย์ และการยางแห่งประเทศไทย ในการหาแนวทางกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ได้สนับสนุนหามาตรการเข้ามากระตุ้นการซื้อขายให้คึกคักอย่างต่อเนื่อง

ความเคลื่อนไหวของบริษัทผู้ให้บริการนายหน้าการซื้อขายในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้ามีการปิดตัว หรือ มีการขออนุญาตเข้ามาให้บริการในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้อยกว่าคาดตลาดหลักทรัพย์มองว่าผู้ประกอบการอาจประเมินถึงการให้บริการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าในตลาดทีเฟ็กซ์ไม่คุ้มค่าจึงเลือกที่จะมาเป็นผู้ซื้อขายสัญญาล่วงหน้าทดแทน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในธุรกิจ