กรม สบส. ห้าม 'สถานดูแลผู้สูงอายุ' รักษาพยาบาล

กรม สบส. ห้าม 'สถานดูแลผู้สูงอายุ' รักษาพยาบาล

กรม สบส. เตือนสถานดูแลผู้สูงอายุ เนอสซิ่งโฮม ที่มิได้ขออนุญาตเปิดเป็นสถานพยาบาล ห้ามให้บริการรักษาพยาบาลเด็ดขาด ชี้เข้าข่ายสถานพยาบาลเถื่อน

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ( สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากข้อมูลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของไทยที่เกิดขึ้นในช่วง 3-4 ทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ประเทศเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ ที่มีประชากรอายุ 60 ปี มากกว่าร้อยละ 10 ซึ่งสาเหตุของการเพิ่มประชากรผู้สูงอายุอย่างรวดเร็วมาจากปัจจัยสำคัญ 2 ประการ คือ 1.การลดลงของภาวะเจริญพันธุ์หรือการเกิดน้อยลง 2.การลดภาวการณ์ตายทำให้อายุคนไทยยืนยาวขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2507 อายุคาดเฉลี่ยเมื่อแรกเกิด ของเพศชายอยู่ที่ประมาณ 55 ปี และเพศหญิงประมาณ 62 ปี แต่ในปี พ.ศ.2558 อายุคาดเฉลี่ยฯเพิ่มสูงขึ้นโดยเพศชายอยู่ที่ประมาณ 72 ปี เพศหญิง ประมาณ 79 ปี และคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ.2568 อายุคาดเฉลี่ยฯ ของเพศชายจะอยู่ที่ประมาณ 76 ปี และเพศหญิงประมาณ 83 ปี ส่งผลให้ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุ มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด

การก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ทำให้ธุรกิจบริการสำหรับผู้สูงอายุขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสถานดูแลผู้สูงอายุ หรือเนอสซิ่งโฮม ที่ให้บริการดูแลการใช้ชีวิตประจำวัน การจัดกิจกรรมสร้างสังคมระหว่างผู้สูงอายุ ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่มักจะเป็นโรคเรื้อรัง อาทิ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ฯลฯ และบางแห่งอาจจะมีการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้สูงอายุประกอบด้วย

อย่างไรก็ตาม พรบ.สถานพยาบาล ที่แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 4 พ.ศ.2559 กำหนดให้การประกอบวิชาชีพเวชกรรมใดๆ ทางการแพทย์ต้องดำเนินการในสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีแพทย์ที่ได้รับวุฒิบัตร หรือหนังสืออนุมัติจากสภาวิชาชีพดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาเปิดทำการ

"กรม สบส.จึงขอเน้นย้ำว่าหากสถานบริการสำหรับผู้สูงอายุแห่งใดต้องการจัดให้มีบริการด้านการแพทย์ ทั้งการให้น้ำเกลือ ฉีดยา หรือทำหัตถการทางการแพทย์ ต้องขออนุญาตเปิดเป็นสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายจากกรม สบส.หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ มิเช่นนั้น ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล ที่แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 4 พ.ศ.2559 ข้อหาเปิดสถานพยาบาลเถื่อน ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้ง หากผู้ให้บริการมิใช่แพทย์ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ข้อหาเป็นหมอเถื่อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ” นพ.ธงชัย กล่าว


ทั้งนี้ กรม สบส. อยู่ระหว่างการพัฒนากฎหมายลูก ซึ่งออกตาม พรบ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 เพื่อส่งเสริมธุรกิจบริการผู้สูงอายุ ซึ่งมีการให้บริการด้านสุขภาพ ที่ไม่ใช่การบำบัดรักษาโรค หรือบริการทางการแพทย์ เพื่อให้การบริการดังกล่าวมีมาตรฐาน และเกิดความปลอดภัยต่อประชาชนผู้รับบริการ