'บจ.อ่วม' หนี้โผล่ ไตรมาส2ภาระภาษีพุ่ง

'บจ.อ่วม' หนี้โผล่ ไตรมาส2ภาระภาษีพุ่ง

บจ.อ่วม "หนี้โผล่" ไตรมาส2ภาระภาษีพุ่ง

กรุงเทพธุรกิจได้สำรวจบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาส2ปี2560 พบว่า บจ.มีหนี้สินเพิ่มขึ้นซึ่งเกิดจากภาระภาษีที่ต้องชำระคืนให้กับกรมสรรพากร หรือภาษีย้อนหลัง และมากันแบบชนิดไม่ทันตั้งตัว ส่งผลให้ภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในทันที อาจส่งผลกระทบไปถึงผลประกอบการของบริษัทหากมีการบันทึกค่าใช้จ่ายในส่วนดังกล่าว รวมถึงมีผลกระทบทำให้กำไรลดลงเช่นกัน

จากข้อมูลที่บริษัทจดทะเบียนรายงานกับตลาดหลักทรัพย์ พบว่า บจ.ที่มีภาระภาษีเพิ่มขึ้นประกอบด้วย บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) DELTA แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ว่า ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษา สรุปได้ว่า บริษัทต้องชำระเงินภาษีจำนวนทั้งสิ้น 733.65 ล้านบาท ให้แก่กรมสรรพากร ทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณาตั้งสำรองทั้งจำนวนงวดไตรมาส 2 ปี 2560 อย่างไรก็ตาม เพื่อลดผลกระทบด้านกระแสเงินสดของบริษัท ให้น้อยที่สุด บริษัทจะดำเนินการขอเจรจากับกรมสรรพากรเพื่อแบ่งชำระเงินภาษีดังกล่าวต่อไป แต่หากไม่สามารถเจรจาต่อรองได้ก็จะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานใดๆ เนื่องจากบริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอ

ที่ผ่านมา บริษัทเชื่อว่าจะสามารถชนะคดีได้จึงมิได้ตั้งสำรองไว้ ทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณาตั้งสำรองทั้งจำนวนงวดไตรมาส 2 ปี 2560 อย่างไรก็ดี บริษัทเห็นว่าคำพิพากษามิได้ส่งผล

กระทบต่อบริษัท เนื่องจากมีฐานะการเงิน และผลการดำเนินงานรวมถึงสภาพคล่องเพียงพอ โดย ณ วันที่ 31 มี.ค. 2560 มีส่วนของผู้ถือหุ้น 29,247 ล้านบาท มีกำไรสุทธิในไตรมาสแรกปี 2560 จำนวน 1,349 ล้านบาท และเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 18,979 ล้านบาท

บริษัท พรีเมียร์เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) PE แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น พิจารณาอนุมัติให้บริษัท ขายหุ้นสามัญที่ถือครองอยู่ในบริษัท พรีเมียร์ อินเตอร์ ลิซซิ่ง จำกัด (PIL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ในราคาขายไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 4.49 บาท ขายให้แก่บุคคลที่สนใจที่ให้ราคาสูงสุด คาดว่าจะได้เงิน 260 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ค่าภาษีอากรที่มีต่อกรมสรรพากร

นอกจากนี้ ทนายความผู้ทำคดี กรณีที่ PE ถูก บริษัทเนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR ยื่นฟ้องคดีแพ่งในฐานะหุ้นส่วนกิจการร่วมค้า พีอี-เพทแลน ให้ชำระหนี้ในการรับจ้างเหมาช่วงก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียจากกรุงเทพฯ ในช่วงปี2544-46 ซึ่งเห็นว่าไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง

บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) SUSCO แจ้งว่า บริษัท ซัสโก้ ดีลเลอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มีแผนนำบริษัท ซัสโก้ ลูบริแคนท์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของซัสโก้ ดีลเลอร์ส ดำเนินธุรกิจน้ำมันอีกบริษัท แต่ได้ยกเลิกแผนและถูกขายไปเมื่อปี 2557 และก่อให้เกิดผลขาดทุนทางบัญชีในการขายเงินลงทุน และได้มีการนำผลขาดทุนมาใช้ประโยชน์ด้านภาษี

ทั้งนี้ จากการหารือกับกรมสรรพากร แจ้งว่าผลขาดทุนไม่สามารถนำมาใช้คำนวณประโยชน์ทางภาษีได้ ทำให้เกิดเป็นภาระภาษีและเงินเพิ่ม ที่ต้องจ่ายเพิ่มจำนวน 115 ล้านบาท ซึ่งจะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายในงบการเงินไตรมาส 2/2560 อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการ ซัสโก้ ดีลเลิอร์ส ไม่เห็นด้วยกับภาระภาษีได้กล่าว ซึ่งจะมีการอุทธรณ์ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป และภาษีครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อสภาพคล่องและเสถียรภาพการเงินของกลุ่มบริษัท

ขณะที่โบรกเกอร์ได้ทยอยประเมินผลกระทบต่อผลประกอบการของแต่ละบริษัท เช่น บล.ทิสโก้ ประเมินว่า ภาระภาษีกดดันผลประกอบการปี 2560 บริษัทเดลต้า จะชำระเงิน 733 ล้านบาทและจะลงบัญชีช่วงไตรมาส 2ปีนี้ แต่จะไม่กระทบต่อกระแสเงินสด เนื่องจากจะทยอยจ่าย นอกจากนี้ยังมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง โดยมีเงินสดในมือกว่า 600 ล้านดอลลาร์ และภาษีที่ต้องจ่ายเพียง 20 ล้านดอลลาร์

จากรายการดังกล่าว ทำให้ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการปี 2560 ของบริษัทเดลต้าจะลดลงเป็น 5.3 พันล้านบาท จากเดิม 6 พันล้านบาท และทำให้ผลประกอบการลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อน แต่ กระแสเงินสดจ่ายไม่กระทบต่อการดำเนินงานในปี2561