The Idea Factory ห้องเรียนชีวิตพลิกสังคม

The Idea Factory ห้องเรียนชีวิตพลิกสังคม

สอนหนังสือมากว่า 16 ปีเห็นจุดอ่อนระบบการศึกษาตีคุณค่าแค่ใบปริญญา ติดกรอบตำราหลักสูตร ขาดความคิดแตกต่างต่อยอดสร้างสรรค์

เงินที่เก็บมากว่า 20 ปีทุ่มซื้อทำเลทองกลางเมืองเนรมิตห้องเรียนในฝัน สอนวิชาชีวิตทุกหลักสูตรที่เด็กรักอยากเรียน เพื่อคิดหาทางเชื่อมต่อวิชาชีพธุรกิจเลี้ยงตัวทั้งชีวิต โดยธุรกิจโคเวิร์คกิ้งสเปซ เป็นรายได้หล่อเลี้ยงอุดมการณ์

ยอมรับว่าระบบการศึกษาไทยที่ยังยึดติดกับคำว่าสถาบัน หลักสูตร และใบปริญญาที่ทำให้เด็กไทยคิดไม่ทันโลกในยุคใหม่ที่ต้องการคนคิดนอกกรอบ พัฒนาองค์ความรู้จากสิ่งรอบตัวไปต่อยอดความคิดล้ำๆ เป็นธุรกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพเลี้ยงตัวเองตลอดชีพ

“ระบบการศึกษาไทยมักวัดคุณค่าครูสอน หรือ คนจากวุฒิ จึงทำให้เรียนจากทฤษฎี หลักสูตรเล่มเดียวกันทุกคนก็เหมือนๆ กันขาดความคิดแตกต่าง คนที่มาสอนธุรกิจก็เก่งวิชาการเป็นด็อกเตอร์ เก่งทฤษฎีแต่ไม่มีประสบการณ์ทำธุรกิจ ทั้งที่โลกแห่งความเป็นจริงนั้นแตกต่างจากทฤษฎีมากมาย ปัญหาคาราคาซังที่ระบบการศึกษาไทยแก้ไม่ได้”

หากพร่ำบ่นการศึกษาไป หรือหวังกระทรวง ทบวงกรมเปลี่ยนระบบใหม่ ก็คงยังไม่เห็นฝั่ง อาจารย์ต้น นุวีร์ เลิศบรรณพงษ์” หัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์และนวัตกรรมดิจิทัล บริษัท มายด์แชร์และเป็นอาจารย์พิเศษด้านการตลาดตามมหาวิทยาลัย เช่น จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ ม.กรุงเทพฯ หอการค้า และมศว. เป็นต้น ลุกขึ้นมาปั้นโมเดลห้องเรียนชีวิตในป่าคอนกรีต ภายใต้ชื่อ “โรงบ่มเพาะเมล็ดพันธ์ด้านไอเดีย” (The Idea Factory)โปรเจ็คท์ใหม่ล่าสุดหลังซื้อที่ดินใจกลางเมือง ทำเลทอง ในทองหล่อ สุขุมวิท36ในราคาสูงถึง50ล้านบาท

ความฝันที่อยากทำโมเดลโรงเรียนที่สอนหลากหลายนอกตำราเช่นนี้มานานกว่า16ปี ระหว่างนั้นก็ไปเช่าออฟฟิสเป็นพื้นที่ให้เด็กได้เรียนรู้แต่แพง4-5หมื่นบาทต่อครั้ง ใช้เวลาหาที่ดินถึง6ปี ตะเวณไปเชียงใหม่ เขาใหญ่แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ไกลเช่นนี้ใครจะไปเรียน จนในที่สุดได้ที่ดินทำเลทองกลางเมืองสดๆ ร้อนๆ ในวันที่16พ.ค.ก็ลงมือปั้นโมเดลที่คิดไว้มายาวนาน

แน่นอน ราคาที่ดินแพงระดับระดับนี้ไปทำโรงเรียนไม่มีทางคุ้มค่า แต่เป็นสิ่งที่ อาจารย์ต้น ผู้มีแพสชั่น อยากสร้างโมเดลแหล่งเรียนรู้(Knowledge Center)สำหรับเด็กไทยพันธ์ใหม่ ในแบบฉบับโมเดลเดียวกันกับที่เคยเห็นบรรยากาศการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นย่างบลูคลิน นิวยอร์ค และแมนฮัตตัน

เหล่าเมืองหลวงของคนหัวคิดสร้างสรรค์ ที่มีความอินดี้ ป๊อปอาร์ท ชิค ๆ คูลๆ พื้นที่ที่เป็นแหล่งเรียนรู้ได้ทั้งเมือง เปิดพื้นที่ให้คนปล่อยของ อาทิ กำแพงพ่นสี ทำกราฟฟิตี้คนที่อยู่ในแถบนั้นมักสร้างสรรค์ไอเดีย และธุรกิจใหม่ๆมาให้โลกตะลึงได้ตลอดเวลา

นั่นคือสิ่งที่เขาเห็นจากการเดินทางรอบโลก ระบบการศึกษาที่สร้างคนให้คิดเก่งกลับมา มาสร้างเมือง สร้างสังคมคุณภาพ ในต่างประเทศ เขาจึงเก็บPassionของการอยากสร้างพื้นที่เล็กๆ เพื่อสร้างเด็กไทยให้มีพื้นที่แห่งอนาคตจากความฝันของตัวเอง นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าคุณค่า ที่เงินซื้อไม่ได้

 “ถ้าเราคิดเอาราคาที่ดินและธุรกิจเป็นตัวตั้งไม่มีทางมาทำโรงเรียนแน่นอน แต่เราเอาความฝันเป็นที่ตั้ง อยากทำให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเห็นว่าคุณมีเงินเยอะรวยล้นฟ้า แต่คุณไม่มีฝันไม่เคยสร้างอะไรให้โลกใบนี้ก็ไม่มีค่าอะไร ที่ดินตรงนี้ราคามหาศาลหากขาย แต่คุณจะมีความสุขบนความจอมปลอม หากไม่เข้าใจความสุขที่แท้จริง ที่ทำตามฝัน และPassionในการสร้างคน สร้างระบบการศึกษา เราขอลิขิตอนาคตชาติด้วยตัวเราเองจากโมเดลเล็กๆ ของเรา

ดูเหมือนว่าสถาบันการศึกษา ภาครัฐไม่เคยคิดทำสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะภาคธุรกิจกำไรจากการซื้อที่ดินราคาสูงเช่นนี้ โจทย์เดียวที่คิดได้คือตึกสูงระฟ้า จึงคุ้มค่าราคาค่าที่ดิน

อาจารย์ผู้มีฝันเล่าถึงโมเดลโรงเรียนในฝันว่า เป็นโรงเรียนสร้างคนคิดนอกกรอบ คิดสร้างสรรค์ และเอาไปสร้างอาชีพ ธุรกิจ เลี้ยงชีพได้ เป็นโรงเรียนที่เชื่อมต่อจุดความรู้ในชีวิต (Connecting the dot)โดยที่เริ่มจากการเรียนสิ่งที่ตัวเองรัก อยากทำ แล้วไปต่อยอด เด็ก ก็จะอยู่กับสิ่งเหล่านั้นอย่างมีความสุขไปตลอดชีวิต โดยไม่รู้สึกทรมานกับงานที่ทำ

คอนเซ็ปต์ของห้องเรียนคือ การเปิดพื้นที่ให้เด็กนักเรียนตั้งแต่อายุ7-14ปี เข้าไปใช้บริการฟรี สำหรับเรียนรู้ ค้นหาไอเดีย ทำเวิร์คช็อปทุกเรื่องที่สนใจ จะหาครูมาสอนให้ เช่น มีคนอยากเลี้ยงปลา ก็จะเอาคนที่มีประสบการณ์เลี้ยงปลา แบบเทคนิค ในทุกๆ ขั้นตอนจนถึงระดับขาย

ส่วนนักศึกษาชั้นระดับมหาลัยจะมีการเก็บค่าใช้จ่ายอบรมเล็กน้อย หรือหากใครมีทุนทรัพย์น้อยอาจจะเปิดคลาสพิเศษ แต่จะต้องมีการเขียนไอเดียPassionและความสนใจ ทำให้เห็นถึงพลังความตั้งใจอยากเรียน โดยมีรายได้จากผู้ใหญ่วัยทำงาน ที่เก็บจัดคลาสพิเศษประมาณคอร์สละ 2-3 พันบาทเพื่อทำให้มีรายได้หมุนเวียนเลี้ยงตัวเองได้

ในห้องเรียนที่วางแผนไว้ในเบื้องต้น และติดต่อครูไว้กว่า20คลาส อาทิ ครูสอนโยคะ สอนนั่งสมาธิให้สนุก สอนให้ทำกับข้าว สอนอาหารไทย โ

“จริงๆ คนที่มีประสบการณ์ความชำนาญในแต่ละวิชาชีพก็เป็นครูได้หมด ไม่จำเป็นต้องจบมาปริญญา เช่นชาวนา ปลูกข้าวเพิ่มผลผลิตมากว่า30ปี ก็เป็นครูที่ดีจากประสบการณ์ในชีวิตจริงได้”

โรงเรียนแบ่งเป็น3ชั้น คือ ชั้นบนสุด สำหรับโคเวิร์คกิ้งสเปซให้เช่า เพื่อนำเงินรายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าวิทยากรที่มาสอน ส่วนชั้น2และชั้น1เป็นพื้นที่สำหรับเปิดเรียนคลาสพิเศษสำหรับเด็กไทยที่อยากสนใจมาเรียนก็แจ้งมาได้หมด โดยมีชั้นล่างสุด เป็นพื้นที่สอนทำอาหารไทย ให้เด็กไทย และต่างชาติ โดยต่างชาติเรียนได้ แต่ต้องแลกเปลี่ยนโดยการสอนภาษาอังกฤษเด็กไทย ประเมินคร่าวๆ น่าจะเปิดคลาสประมาณ1-2ครั้งต่อเดือน สำหรับ4ห้อง ห้องละ15คน หรือให้เด็กได้เรียนประมาณ60คนต่อครั้ง

“ภายในงานยังมีหนังอาร์ต และงานศิลปะ เติมไอเดียให้เด็กทุกๆ อาทิตย์”

สิ่งที่หวังจะเกิดขึ้นคือเด็กไทยอยากตื่นมาเรียนในห้องเรียนนี้แล้ว เด็กๆ จะเห็นที่นี่เป็นแลนด์มาร์คที่อยากเข้าในวันหยุดแทนห้าง หรืออาจจะเกิดโมเดลธุรกิจจากคนที่ใช้พื้นที่ออกไปประสบความสำเร็จ ก็กลับมาแบ่งปันความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้น้องๆ รุ่นต่อๆไปได้

สำหรับโรงเรียนชีวิตแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้าง1ปี พร้อมเปิดจริงประมาณกลางปี 2561 นี้

เขามองว่าหากจะให้สำเร็จจริงๆ อยากให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเห็นถึงวิธีการเรียนรู้นอกตำรา ที่สำคัญกับการสร้างอนาคตของชาติ จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ก็อปปี้โมเดลแห่งนี้ไปใช้ในทุกพื้นที่ของประเทศ หากเกิดขึ้นในทุกตำบล อำเภอ หรือเริ่มจากจังหวัดยิ่งดี จะมีเด็กไทยหัวคิดก้าวไกล พร้อมเป็นตัวแทนคนไทยแข่งขันได้ในเวทีโลก

นี่คือความฝันของคนที่อยากเปลี่ยนระบบการศึกษาไทย โดยเริ่มต้นจากการทำโมเดลในมุมเล็กๆของตัวเองก่อน ด้วยทุนทรัพย์ส่วนตัว เขาบอกว่า เขาไม่ได้หวังผลกลับมาในเชิงธุรกิจ เพราะสิ่งที่เขามีนั้นเพียงพอแล้ว ทั้งบ้าน รถ และงานประจำก็เพียงพอ แต่สิ่งสุดท้ายที่อยากทำก่อนตายคือ รับใช้ความฝันของตัวเองในการสร้างสิ่งนี้

คุณค่าที่ย้อนกลับมามากมายมหาศาลกว่าคือ สะกิดผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้สร้างแหล่งเรียนรู้นอกตำราที่เอาไปใช้ได้ในชีวิตจริง

หากสันนิษฐานในกรณีศึกษาที่แย่ที่สุด ไม่มีคนมาเช่า ไม่มีรายได้เพียงพอเลี้ยงคอร์สฟรีให้กับเด็กๆ เขาก็คิดว่าเขาไม่เสียอะไร เพราะอย่างน้อยเขาได้เดินตามฝัน และยังเหลือที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นสมบัติของตัวเองแต่แน่นอนว่าเมื่อPassionกล้าขนาดนี้เขาไม่ปล่อยให้โมเดลนี้ดับสูญไปง่ายๆ จะงัดทุกประสบการณ์ และความรู้ในชีวิตมาทำให้คลาสเพื่อเด็กไทยเป็นจริงให้จงได้ อาจจะเพิ่มคลาสผู้ใหญ่มากขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้กลับมาเปิดคลาสเด็ก

“ทำในสิ่งที่รักต่อให้ล้มเหลว ก็ยังมีความสุขกับสิ่งที่รักคนไม่มีฝันอย่างแรงกล้าชีวิตก็ไร้ความหมาย (Without Passion life is Nothing)”นี่คือความปรัชญาชีวิตใช้มันทำงานและทำทุกอย่างด้วยความรักเสมอมา