'คสช.' ย้ำใช้ ม.44 ขับเคลื่อนงานเร่งด่วน

'คสช.' ย้ำใช้ ม.44 ขับเคลื่อนงานเร่งด่วน

"คสช." ย้ำใช้ "ม.44" ขับเคลื่อนงานเร่งด่วนพร้อมคลี่คลายปัญหาสำคัญของประเทศ พร้อมเตรียมเปิดเวทีสาธารณะเพื่อชี้แจงสาระสำคัญของร่างสัญญาประชาคม

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผย ผลการประชุมสำนักเลขาธิการ คสช.โดยมี พล.อ. พิสิทธิ์ สิทธิสาร รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธาน ซึ่งให้ความสำคัญกับการใช้กลไก กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.)และฝ่ายปกครอง ในการสร้างความเข้าใจกับประชาชน เกี่ยวกับความคืบหน้าในงานบริหารราชการแผ่นดิน โครงการและมาตรการต่างๆที่ภาครัฐกำลังดำเนินการเพื่อส่วนรวม รวมทั้งเรื่องที่ประชาชนได้รับประโยชน์ และประเด็นที่กำลังเป็นที่สนใจของสังคม อาทิ ความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมการคมนาคมขนส่ง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประชาชน กลไกราคาพืชผลทางการเกษตร การจัดทำผังเมืองในระดับประเทศและผังเมืองในทุกจังหวัดที่ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นกรอบในการพัฒนาพื้นที่ให้เหมาะสม และการใช้มาตรา 44 ในการขับเคลื่อนวาระเร่งด่วนและคลี่คลายปัญหาสำคัญของประเทศ เช่น การใช้ที่ดิน ส.ป.ก.ในกิจการพลังงาน ความร่วมมือรถไฟไทย-จีน เป็นต้น โดยมอบให้ กกล.รส. เดินหน้าช่วยเผยแพร่ความคืบหน้าในเรื่องที่เป็นประโยชน์ดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนมีข้อมูลพื้นฐานประกอบการตัดสินใจ และช่วยเสริมสร้างความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต

นอกจากนี้ จากความห่วงใยของนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. ในด้านการสัญจรของประชาชน ที่เดือดร้อนจากการชำรุดของ ถนน และเส้นทาง หลังเกิดอทกภัยใช่วงที่ผ่านมา ได้มีบัญชาให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยกระทรวงกลาโหม ส่งหน่วยทหารช่างของกองทัพบก และหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา เข้าสำรวจเส้นทางที่เสียหายจากอุทกภัยทั่วประเทศ โดยเฉพาะถนนหรือเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้าน และเตรียมเข้าดำเนินการปรับปรุง ซ่อมแซมโดยด่วน เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สัญจร และขนส่งพืชผลทางการเกษตรได้โดยสะดวกและปลอดภัย โดยรองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เร่งรัดให้หน่วยทหารช่าง ร่วมกับทางจังหวัด เข้าตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลความเสียหายให้เรียบร้อยภายในต้นเดือนกรกฎาคมนี้

ส่วนการดูแลความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยนั้น รองเลขาธิการ คสช.ระบุว่า การทำงานของ กกล.รส. ในเรื่องนี้ ยังต้องคงระดับความเข้มงวดในมาตรการรักษาความปลอดภัย ป้องกันเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หรือการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ ทั้งนี้ได้เร่งรัดให้ดำเนินการติดตั้งและจัดระบบกล้องวงจรปิดให้เรียบร้อยในทุกพื้นที่ในเดือนนี้ตามนโยบายของ หัวหน้า คสช. รวมทั้งการสร้างเครือข่ายและให้ความรู้ ประชาชนอย่างต่อเนื่องในการเฝ้าระวังเหตุและการแจ้งข้อมูล สิ่งผิดปกติ เสริมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในทุกพื้นที่ด้วย

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า การประชุมในวันนี้ รองเลขาธิการ คสช. ได้มอบหมายให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาค ร่วมกับส่วนราชการ จัดเตรียมพื้นที่และความพร้อมในการเปิดเวทีสาธารณะ เพื่อชี้แจงสาระสำคัญของร่างสัญญาประชาคมให้ประชาชนได้รับทราบ อันเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการสร้างความสามัคคีปรองดอง โดยมีกำหนดดำเนินการใน 1-2 สัปดาห์นี้ ต่อจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนของการประกาศเป็นสัญญาประชาคมฉบับสมบูรณ์ต่อไป