(สกู๊ป) 4ข้อที่“แมนฯยูไนเต็ด”ควรทำก่อนเปิดซีซั่นใหม่

(สกู๊ป) 4ข้อที่“แมนฯยูไนเต็ด”ควรทำก่อนเปิดซีซั่นใหม่

ถึงแม้ว่าฟุตบอลลีกยุโรปฤดูกาล 2016-2017 จะปิดฉากอย่างเป็นทางการไปแล้วหลายสัปดาห์ แต่ก็ยังมีควันหลง และประเด็นต่างๆจากซีซั่นที่แล้วให้พูดถึงกันมากมาย

      นอกจากจะมีการพูดเรื่องอดีตแล้ว เรื่องของอนาคต และความเป็นไปได้ของแต่ละทีม ทั้งเรื่องการเสริมทัพ การรั้งนักเตะเก่า รวมถึงแผนการเล่น โดยเฉพาะทีมใหญ่ๆในยุโรปก็ได้รับการพูดถึงเป็นระยะ เนื่องจากในช่วงเดือน ส.ค. ฟุตบอลลีกยุโรปก็จะกลับมาฟาดแข้งกันในซีซั่นใหม่อีกครั้ง
      โดยลีกที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้น พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เนื่องจากมีทีมชั้นนำอยู่ในลีกดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และปฏิเสธไม่ได้ว่า 1 ในทีมที่แฟนบอลให้ความสนใจ รวมถึงมีผู้ติดตามเชียร์อยู่ทั่วโลก นั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งในปีที่ผ่านมาพวกเขาถือว่าประสบความสำเร็จด้วยคว้าดับเบิลแชมป์ มาครอง นั่นก็คือ อีเอฟแอล คัพ และยูโรปา ลีก โดยล่าสุดสื่อต่างประเทศได้มีการวิเคราะห์ว่าสิ่งที่ทีมดังจากถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ควรทำก่อนจะเปิดฤดูกาลใหม่นั้นมีทั้งหมด 4 ข้อ ดังนี้

1.รั้งตัว“ดาบิด เด เคอา”
      เป็นที่แน่นอนว่าส่วนสำคัญที่ทำให้ แมนฯยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จในฤดูกาลก่อนคือ การเสียประตูน้อย ซึ่งเกิดจากผู้รักษาประตูจอมหนึบอย่าง ดาบิด เด เคอา โดยนายทวารผู้นี้ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูระดับโลกที่มีความครบเครื่อง ทั้งความเร็ว ปฏิกิริยา การสั่งการ รวมถึงรูปร่างที่สมส่วน ซึ่งเจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจนับตั้งแต่ย้ายมาจากทีม แอตเลติโก มาดริด เมื่อปี 2011
ตลอด 5 ซีซั่นที่แข้งวัย 26 ปีอยู่ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เขาก็โชว์ฟอร์มได้ดีอย่างสม่ำเสมอ ด้วยสถิติลงสนาม 200 เกมในลีก เก็บคลีนชีต 75 เกม, เซฟ 535 ครั้ง และเสียไปเพียง 196 ประตูเท่านั้น จนส่งผลให้เขามีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพของอังกฤษถึง 4 จาก 5 ครั้งหลังสุดอีกด้วย
      และด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมดังกล่าว ส่งผลให้ เรอัล มาดริด ทีมยักษ์ใหญ่จากลาลีกา สเปน ต้องการได้ตัว เด เคอา ไปร่วมทีม โดย "ราชันชุดขาว" แสดงความสนใจผู้รักษาประตูคนนี้ตั้งแต่เมื่อ 2 ฤดูกาลที่แล้ว รวมถึงมีข่าวว่านักเตะเองก็อยากกลับไปค้าแข้งที่บ้านเกิด แต่ทว่า "ปีศาจแดง" ไม่อยากปล่อยเขาออกจากทีมเนื่องจากถือเป็นกำลังสำคัญ
      อย่างไรก็ตามหลังจบฤดูกาลที่ผ่านมามีข่าวว่า เรอัล มาดริด ยุติความสนใจในตัวของเด เคอา แล้ว เนื่องจาก เคย์เลอร์ นาบาส ผู้รักษาประตูมือ 1 ของทีมในขณะนี้ทำผลงานได้ดี และเตรียมเบนไปหาเป้าหมายใหม่อย่าง จานลุยจิ ดอนนารุมมา โกล์ดาวรุ่งของ เอซี มิลาน แทน ซึ่งทำให้เป็นช่วงเวลาที่ดีในการต่อสัญญา เด เคอา ออกไป เพื่อรั้งตัวดาวเตะคนนี้ไว้กับทีมให้ได้

2.เสริมแนวรุกคนใหม่
     แม้เกมรับของทีม “ปีศาจแดง” เมื่อซีซั่นที่ผ่านมาจะถือว่าอยู่ในขั้นยอดเยี่ยม แต่เกมรุกกลับกลายเป็นปัญหาสำคัญซึ่งส่งผลให้พวกเขาทำแต้มหล่นในลีกไปเยอะมาก ซึ่งในฤดูกาลที่แล้วคนที่ยิงให้ แมนฯยูไนเต็ด ได้มากที่สุดคือ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หัวหอกจอมเก๋าของที่เซ็นสัญญามาแบบไม่มีค่าตัว โดยเขาทำไปถึง 28 ประตูจากการลงสนาม 46 นัด และกลายเป็นคีย์แมนในแนวรุกในทันที
     อย่างไรก็ตามจากการที่แข้งวัย 35 ปีรายนี้ได้รับบาดเจ็บหนัก และอาจจะกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในช่วงต้นปีหน้า ส่งผลให้บอร์ดบริหารของทีมตัดสินใจปล่อยตัว ซลาตัน ออกจากถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เนื่องจากทีมไม่อยากเสียเงินค่าเหนื่อยก้อนโตถึง 9 ล้านปอนด์ (ประมาณ 855ล้านบาท) ต่อปี เพื่อแลกกับการใช้งานนักเตะได้แค่ครึ่งหลังของฤดูกาลหน้าเท่านั้น
     ทำให้ โชเซ มูรินโญ ต้องทำการเสริมนักเตะในเกมรุกเป็นการด่วน โดยที่ผ่านมา แมนฯยูไนเต็ด มีข่าวกับนักเตะมากมายโดยเฉพาะกับ อองตวน กรีซมันท์ แนวรุกทีมชาติฝรั่งเศส ที่เป็นตัวเต็งในการเป็นสมาชิกใหม่ของทีม “เร้ด เดวิลส์” ในช่วงซัมเมอร์นี้ อย่างไรก็ตามจากการที่ แอตเลติโก มาดริด ต้นสังกัดของ กรีซมันท์ ถูกแบนห้ามซื้อผู้เล่น ส่งผลให้แข้งวัย 26 ปี ตัดสินใจไม่ย้ายทีมในที่สุด
     จากผลดังกล่าว “ปีศาจแดง” จึงเปลี่ยนเป้าหมายโดยการหันไปล่าตัว อัลบาโร โมราตา กองหน้าตัวสำรองของ เรอัล มาดริด มาร่วมทีมแทน โดยทาง “ราชันชุดขาว” ต้องการค่าตัวของหัวหอกทีมชาติสเปนรายนี้ที่ทำไป 15 ประตูจากการลงสนาม 26 นัดเมื่อซีซั่นที่แล้วอยู่ที่ 70 ล้านปอนด์ (2,959 ล้านบาท)
      โดย โมราตา ถือเป็นหัวหอกที่สามารถตอบโจทย์ของ แมนฯยูไนเต็ด ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีประสบการ์ณเล่นกับทีมใหญ่ๆมาแล้ว ทั้ง ยูเวนตุส และเรอัล มาดริด รวมถึงเป็นกองหน้าที่มีทักษะครบเครื่อง ทั้งพละกำลัง,ความเร็ว และเทคนิค จึงน่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ส่วนนักเตะใน เกมรุกรายอื่นๆที่คาดว่า “ปีศาจแดง” ต้องการตัวมาร่วมทีม คือ อิวาน เปริซิช ปีกเชิงสูงของ อินเตอร์ มิลาน และอันเดรีย เบลอตติ ดาวยิงจาก โตริโน

3.ให้“เอร์เรรา”เป็นกัปตันทีม
     ในซีซั่นที่ผ่านมา นักเตะที่ได้รับคำชมด้านฟอร์มการเล่น รวมถึงมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จ และยกระดับทีมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด นั่นก็คือ อังเดร เอร์เรรา กองกลางชาวสแปนิช
     ด้วยสไตล์การเล่นที่ไม่หวือหวา แต่มีทักษะของการจ่าย และการครองบอลที่สุดยอด ส่งผลให้เขาเข้ากับระบบของ โชเซ มูรินโญ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น เอร์เรรา ยังมีความขยันทั้งในเกมรุก และเกมรับ จนทำให้เขาเป็นดาวเตะที่ทีม “ปีศาจแดง” ขาดไม่ได้
และด้วยฟอร์มดังกล่าวส่งผลให้เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทีมประจำซีซั่น 2016-17 จากคะแนนเสียงกว่า 242 คะแนน จนมีข่าวว่า บาร์เซโลนา ยักษ์ใหญ่ของสเปนภายใต้การนำของกุนซือใหม่อย่าง เอร์เนสโต บัลเบร์เด ต้องการตัวเขาไปร่วมทีมเป็นอย่างมาก ซึ่งหาก แมนฯยูไนเต็ด เสีย เอร์เรรา ไป สมดุลของทีมต้องเสียอย่างแน่นอน เนื่องจากไม่มีกองกลางที่สามารถเล่นได้ทั้งเกมรุก และรับได้ดีเหมือนอดีตแข้งของแอธเลติก บิลเบา รายนี้
     โดยวิธีที่ดีที่สุดในการรั้งตัวนักเตะเอาไว้ คือ การมอบปลอกแขนกัปตันทีมให้ เนื่องจากนักเตะจะได้เห็นว่าตนเองมีความสำคัญต่อสโมสรมากเพียงใด ซึ่งดูจากฟอร์มการเล่น รวมถึง ภาวะผู้นำแล้ว เอร์เรรา เหมาะสมที่จะขึ้นมาเป็นกัปตันทีมคนใหม่ของ “ปีศาจแดง” อย่างแน่นอน

4.ต่อสัญญา“โชเซ มูรินโญ”
     แม้รูปเกมของทีม “ปีศาจแดง” ในยุคของ โซเช มูรินโญ กุนซือคนใหม่ นั้นจะมีความน่าเบื่อ เนื่องจากเป็นแผนการเล่นที่รัดกุม และเน้นเกมสวนกลับซึ่งเป็นสไตล์ถนัดของ “เดอะ สเปเชียล วัน” แต่ด้วยความสำเร็จกับการคว้าดับเบิลแชมป์เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา จึงสอดคล้องกับคำพูดของ มูรินโญ หลังจบนัดชิงชนะเลิศของศึกยูโรปา ลีก ว่า "ทีมของเราเล่นอย่างชาญฉลาด เราเล่นได้แบบสบาย ๆ เราเป็นทีมที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก ถ้าคุณอยากเล่นจะบีบพื้นที่ตลอดเกม คุณจะไม่เล่นบอลสั้น หากทีมของคุณโดดเด่นในการเล่นลูกกลางอากาศ คุณต้องใช้บอลยาว มีศิลปินหลายคนในวงการฟุตบอล แต่พวกเขาไม่ค่อยได้แชมป์หรอกนะ"
     จากความสำเร็จของ “ปีศาจแดง” เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ต้องยกความดีความชอบให้กับ โชเซ มูรินโญ อย่างแน่นอน แม้เขาจะใช้เงินจับจ่ายนักเตะในตลาดซื้อขายเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือการคว้าตัว ปอล ป็อกบา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสจาก ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 89 ล้านปอนด์ (ราว4,071 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าทำลายสถิติโลก และถูกวิจารณ์อย่างหนักจากการซื้อตัวดังกล่าว แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ได้พิสูจน์ว่าเม็ดเงินที่ใช้ไปแลกมากับผลตอบแทนมหาศาลเพียงใด ดังนั้นบอร์ดบริหารของทีม “ปีศาจแดง” จึงไม่ควรรอช้าที่จะต่อสัญญาเทรนเนอร์มาดนิ่งรายนี้ออกไป

     และทั้งหมดนี้คือ 4 ข้อที่ทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรทำก่อนจะเปิดฤดูกาลใหม่ ซึ่งถ้าบรรลุเป้าหมายได้ครบทุกเชื่อว่าทีมจะต้องประสบความสำเร็จ และกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของสโมสรอื่นๆทั้งในระดับประเทศ และระดับทวีปอย่างแน่นอน