สั่งตั้งบอร์ดดูแลความปลอดภัยก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกสาย

ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ รองผู้ว่าการ (วิศวกรรมและก่อสร้าง) รฟม. นายวิทยา พันธุ์มงคล ผู้ช่วยผู้ว่าการ รฟม. และนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ช่วยผู้ว่าการ รฟม. พร้อมด้วยกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาทุกโครงการ และตัวแทนบริษัทผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธาทุกสัญญา ร่วมแถลงข่าวมาตรฐานการก่อสร้างรถไฟฟ้า เพื่อสร้างความปลอดภัยและมั่นใจให้แก่ประชาชน โดยขณะนี้มีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า ได้แก่ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (เหนือ) ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ส่วนตะวันออก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรม - แห่งประเทศไทย - มีนบุรี

นายภคพงศ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยในการก่อสร้างรถไฟฟ้า และส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนกังวลเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยของ รฟม. ทาง รฟม. จึงได้ประชุมร่วมกับกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา และตัวแทนบริษัทผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธาทุกสัญญา โดยมีมติร่วมกันประกาศนโยบายการก่อสร้างปลอดภัย 100% พร้อมจัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัย( Safety Board) เพื่อกำกับดูแลพื้นที่ที่ก่อสร้างให้ปลอดภัยมากขึ้น โดยมีตนเป็นประธาน และมีผู้แทนจากบริษัทที่ปรึกษา และบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เป็นคณะกรรมการรวม 15 คน นอกจากนี้จะมีหน่วยงานคุ้มครองสวัสดิภาพแรงงานเข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณาเสริมมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้าง และบทลงโทษสูงสุดแก่บริษัทที่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างด้วย โดยต่อไปจะพิจารณาจากความถี่ของการเกิดอุบัติเหตุ หากเกิดข้อผิดพลาดบ่อยครั้ง จะมีผลต่อการเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าอื่นๆ ด้วย และหากบริษัทก่อสร้างรายใดที่กระทำผิดแล้ว ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีการเยียวยาผู้เสียหายจะถูกให้หยุดดำเนินการก่อสร้างทันที และอาจต้องดำเนินการยกเลิกสัญญาด้วย

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะจัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัยแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ และจะเริ่มประชุมภายในเดือน มิ.ย.60 ซึ่งช่วงแรกจะจัดประชุมถี่หน่อย เพราะต้องกลั่นกรองตัวมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ รวมถึงการลงพื้นที่ตรวจงานก่อสร้างด้านสิ่งแวดล้อม และด้านความปลอดภัยในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าทุกโครงการ ทุกเดือน ซึ่งเชื่อว่าการตั้งคณะกรรมการชุดนี้จะเรียกความเชื่อมั่น และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนมากขึ้น