เจาะลึก ‘บิทคอยน์’ สกุลเงินเพื่อการค้าออนไลน์?
เจาะลึก.. "บิทคอยน์" สกุลเงินเพื่อการค้าออนไลน์?
บิทคอยน์ (Bitcoin) คือ สกุลเงินในรูปแบบดิจิทัลที่ต้องใช้วิธีการเข้ารหัส (Cryptocurrency) ที่ถูกสร้างและเก็บมูลค่าไว้ในโลกออนไลน์ เพื่อเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ โดยไม่ขึ้นกับสกุลเงินใดๆ
มีรายงานว่า สกุลเงินบิทคอยน์ ถูกคิดค้นขึ้นในปี 2552 โดย “ซาโตชิ นากาโมโตะ” ชายชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่น วัย 64 ปี แต่ภายหลัง นากาโมโตะ ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนคิดค้นเงินเสมือนจริงนี้ หลายฝ่ายจึงคาดว่าชื่อ “ซาโตชิ นากาโมโตะ” อาจเป็นนามแฝงของคนหรือกลุ่มคนที่คิดค้นเงินสกุลบิทคอยน์ขึ้นมา
กระทั่งกลางปีที่แล้ว คนที่สร้างบิทคอยน์ยอมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา โดยเขามีนามว่า “เครก สตีเวน ไรท์” ชายวัย 45 ปี ชาวออสเตรเลีย ซึ่งเขาเปิดเผยเรื่องนี้กับสำนักข่าวบีบีซี, นิตยสารดิอีโคโนมิสต์ และนิตยสารจีคิว พร้อมนำหลักฐานการสร้างมายืนยัน
อย่างไรก็ตาม แม้สกุลเงินบิทคอยน์จะถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 2552 แต่ก็รู้จักกันในกลุ่มคนสังคมออนไลน์บางส่วนเท่านั้น กระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) ได้ปิดเว็บไซต์ “ซิลค์โรด” ซึ่งลักลอบจำหน่ายยาเสพติดและรับทำธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม พร้อมกับยึดเงินบิทคอยน์ได้ถึง 26,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 3.6 ล้านดอลลาร์ (ราว 115 ล้านบาท) ชื่อของ “บิทคอยน์” สกุลเงินแห่งโลกดิจิทัล จึงเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างเป็นครั้งแรก
สำหรับการหาเงินบิทคอยน์นั้นสามารถทำได้โดยใช้วิธีที่เรียกว่า “ทำเหมือง” หรือใช้คอมพิวเตอร์ของเรามาเป็นเครือข่ายแก้โจทย์คณิตศาสตร์ และจะได้รับบิทคอยน์ จำนวน 10 บิทคอยน์ ทุกๆ 25 นาทีที่เข้าร่วมแก้โจทย์ดังกล่าว
ขณะที่การจะใช้สกุลเงินบิทคอยน์มาแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการได้นั้น ผู้ใช้งานจะต้องลงซอฟต์แวร์เพื่อสร้างบัญชี ซึ่งไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนในการใช้บริการ ขณะที่ขั้นตอนการใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก สามารถซื้อขายกับเงินจริงๆ ได้ในหลายๆ สกุล อีกทั้งยังถ่ายโอนผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ง่าย ทำให้การทำธุรกรรมระหว่างประเทศเป็นเรื่องง่าย
จากความสะดวกในการใช้งาน ทำให้ในช่วงหลังมานี้ เริ่มมีร้านค้ายอมรับสกุลเงินบิทคอยน์ในการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น โดยมีเว็บไซต์เมาท์ก็อกซ์ ดอท คอมของญี่ปุ่น เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเงินรายใหญ่ที่สุดของโลก
อย่างไรก็ตาม เมื่อธุรกิจนี้เติบโตขึ้นมาก จึงมาพร้อมกับปัญหาการโจรกรรมของกลุ่มแฮกเกอร์ ซึ่งปัญหานี้ทำให้มูลค่าเงินบิทคอยน์ร่วงลงอย่างรวดเร็ว จนเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สกุลเงินบิทคอยน์ยังคงเป็นแค่เงินเสมือนจริงเท่านั้น เพราะการที่เงินสกุลนี้ไม่มีการรักษามูลค่าและไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กำหนดมูลค่า
นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาควบคุม จึงทำให้ยังไม่มีรัฐบาลประเทศไหนออกมาประกาศยอมรับสกุลเงินดังกล่าวอย่างเป็นทางการ แม้บางประเทศ เช่น เยอรมนี เริ่มเปิดกว้างและยอมรับ ขณะที่สิงคโปร์มองว่า บิทคอยน์เป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่สามารถใช้ชำระและบริการได้
ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยที่เงินบิทคอยน์ไม่มีตัวตนจริง จึงอาจสูญหายได้หากถูกไวรัสที่ผู้ไม่หวังดีปล่อยเข้ามาปั่นป่วนระบบคอมพิวเตอร์ รวมถึงการที่ธนาคารกลางของประเทศนั้นๆ ยังไม่สามารถควบคุมปริมาณเงินในระบบได้ด้วย
ในช่วงเดือนธ.ค. 2556 อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่กว่า 1,000 ดอลลาร์ต่อบิทคอยน์ ก่อนจะค่อย ๆ ดิ่งลงมาเรื่อย ๆ มาอยู่ที่ 200 ดอลลาร์ต่อบิทคอยน์ ในช่วงต้นเดือนก.พ. 2557 และมาอยู่ที่ 135 ดอลลาร์ต่อบิทคอยน์ ในช่วงปลายเดือนก.พ. 2557 มูลค่าที่ร่วงลงนี้เป็นผลมาจากการที่หลายบริษัทที่รับแลกเงินบิทคอยน์ต้องปิดตัวลง เพราะเจอภัยจากแฮกเกอร์ และสะท้อนให้เห็นว่า ค่าเงินบิทคอยน์ผันผวนสูงมากและมีโอกาสเสื่อมค่าได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม บิทคอยน์ เริ่มกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะปีนี้ที่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และ ออสเตรเลีย เริ่มเปิดกว้างยอมรับสกุลเงินดิจิทัล เช่น บิทคอยน์ ส่งผลให้ความนิยมในตัวบิทคอยน์มีเพิ่มขึ้น และราคาบิทคอยน์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ความนิยมในตัวบิทคอยน์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เว็บไซต์ชื่อดังที่ใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ถึงกับล่ม ใช้งานไม่ได้อยู่หลายชั่วโมงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะที่ราคาบิทคอยน์เองก็มีความผันผวนที่สูงมากขึ้น โดยราคาในต่างประเทศช่วงต้นปีขยับขึ้นมาอยู่ที่ราวๆ 2,000 ดอลลาร์ต่อบิทคอยน์ ก่อนไต่ขึ้นทำ “นิวไฮ” ที่ระดับ 3,017 ดอลลาร์ต่อบิทคอยน์ ไปเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นไม่นานราคาบิทคอยน์ก็ร่วงลงต่อเนื่องมาอยู่ในระดับต้นๆ 2,000 ดอลลาร์ต่อบิทคอยน์
เช่นเดียวกับราคาซื้อขายบิทคอยน์ในประเทศไทย แม้ปัจจุบัน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังไม่ยอมรับให้ “บิทคอยน์” เป็นสกุลเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย แต่ไม่ได้ปิดกั้นเรื่องการซื้อขาย จึงมีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งเข้ามาลงทุน ซึ่งราคา บิทคอยน์ ในประเทศไทยก็มีความผันผวนไม่แพ้ต่างประเทศ
ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ราคาบิทคอยน์แกว่งตัวในระดับ 35,000 บาทต่อบิทคอยน์ ก่อนทยอยปรับตัวเพิ่มต่อเนื่องและมาทำ “นิวไฮ” ที่ระดับ 101,529 บาทต่อบิทคอยน์ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2560 หลังจากนั้นราคาได้ปรับร่วงลงอย่างรุนแรงมาอยู่ที่ระดับ 71,000 บาทต่อบิทคอยน์
ความนิยมในตัวบิทคอยน์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ “รัฐบาลไทย” มอบหมายให้ ธปท. ไปศึกษานวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ เช่น “บิทคอยน์” เพื่อดูว่า ประเทศไทยควรนำมาใช้หรือไม่ และมีความเหมาะสมมากน้อยแค่ไหน ..แต่ถ้าดูจากการแกว่งตัวของราคาแล้ว บิทคอยน์ ไม่น่าจะใช้สกุลเงินที่เหมาะสมนัก ในการเป็นสื่อกลางเพื่อการซื้อขาย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นร้านค้าคงต้องปรับราคาสินค้ากันรายวัน!