ตลาด'ดีดับบลิว'แข่งดุ

ตลาด'ดีดับบลิว'แข่งดุ

ตลาด“ดีดับบลิว”แข่งดุ ผู้นำตลาดส่อเปลี่ยนมือ

ตลาดดีดับบลิวแข่งเดือด“เคจีไอ”ส่วนแบ่งทางตลาดพุ่งเทียบเท่า“บัวหลวง” ผู้บริหารเคจีไอระบุครึ่งปีหลังครองมาร์เก็ตแชร์ไม่ต่ำกว่า 30 % ประเมินการซื้อขายยังคึกคัก คงกลยุทธ์ใช้อัตราทดสูงสุดในอุตสาหกรรม

นายเจนวิทย์ ชินกุลกิจนิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมการซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (ดีดับบลิว) ในครึ่งปีหลังมองว่า จะมีความคึกคักมากขึ้น จากความผันผวนของดัชนีหุ้น โดยเฉพาะปัจจัยต่างประเทศเข้ามากดดัน ทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ ช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นระดับ 0.25 %และภาวะการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกที่จะช่วยสร้างความคึกคักกับการซื้อขายได้

“แนวโน้มครึ่งปีหลังมองว่าการซื้อขายดีดับบลิวน่าจะคึกคักกว่าครึ่งปีแรก โดยมองว่าความคึกคักจะเริ่มเห็นหลังจากเข้าสู่เดือนก.ค.เป็นต้นไป โดยจะได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ และการปรับดอกเบี้ยสหรัฐ”

ทั้งนี้บล.ประเมินว่าครึ่งปีหลังมูลค่าการซื้อขายดีดับบลิวเมื่อเทียบกับการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดจะปรับขึ้นมาอยู่ที่ 6-7 % จากครึ่งปีแรกที่5 %โดยการปรับขึ้นเป็น 6-7 % นั้นจะเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของการซื้อขายดีดับบลิวของไทย ทั้งนี้ดีดับบลิวที่น่าจะได้รับความนิยม คือดีดับบลิวอ้างอิงดัชนีเซ็ท 50 ตามการฟื้นตัวของดัชนีหุ้น

กลยุทธ์หลังจากนี้ บริษัทจะเน้นการออกดีดับบลิวที่มีอัตราทดของผลตอบแทนระดับที่สูงดีดับบลิวอ้างอิงหุ้นรายตัวอัตราทดของผลตอบแทนจะอยู่ที่ 3- 5 เท่า ส่วนดีดับบลิวอ้างอิงดัชนีเซ็ท 50 จะคงอัตราทดของผลตอบแทนอยู่ที่ 10 เท่าขึ้นไป โดยเป็นระดับที่สูงที่สุดอุตสาหกรรมเช่นเดิม ด้านส่วนแบ่งทางการตลาดบล.เคจีไอ จากต้นปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบันอยู่ที่ 32 % อยู่ระดับเดียวกับอันดับที่ 1 ของอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 27% และสูงกว่าเป้าหมายที่ 30 % โดยหลังจากนี้บริษัทคาดหวังจะรักษาส่วนแบ่งในระดับนี้ต่อไป

อย่างไรก็ตาม บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง รายงานสถานการณ์การซื้อขายดีดับบลิว เดือน พ.ค. พบว่าส่วนแบ่งทางการตลาด ของบล.บัวหลวง ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดอย่างต่อเนื่องมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 34.5 % ในขณะที่บล.เคจีไอ มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ในระดับที่ 34.5 % เช่นกัน

สำหรับ ดีดับบลิวที่ได้รับความนิยมสูงสุดเดือนพ.ค. 60 ยังคงเป็น ดีดับบลิวที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 Index ซึ่งมีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 53.4% ของการซื้อขาย ดีดับบลิวทั้งหมด โดยนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนใน ดีดับบลิวประเภท Put เป็นสัดส่วนที่มากกว่า Call โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดัชนี SET50 Index เคลื่อนไหวใกล้เคียงแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,000 จุด อันดับที่ 2 เป็น ดีดับบลิวที่อ้างอิงกับหุ้น THAI ซึ่งมีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 3.3% โดยนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนใน ดีดับบลิวประเภท Call เป็นจำนวนมาก