'มงคลกิตติ์' มึน! 'ป.ป.ช.' ไม่ชี้มูลบอร์ดสกสค.ปี56-57

'มงคลกิตติ์' มึน! 'ป.ป.ช.' ไม่ชี้มูลบอร์ดสกสค.ปี56-57

"เลขาฯภตช." มึน ทำไม“ป.ป.ช.” ไม่ชี้มูลบอร์ดสกสค.ปี56-57 เล็งร้องป.ป.ช.สัปดาห์หน้า ให้สอบเชิงลึก เงินครูหาย 2,500 ล้านบาท

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ( ภตช. ) กล่าวว่า สืบเนื่อง เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2560 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดทางวินัยและอาญา กับนายเกษม กลั่นยิ่ง และ คณะกรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ (ช.พ.ค.) บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวชั่น กรุ๊ป จำกัด โดย นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา หรือ “เสี่ยบิ๊ก” นักธุรกิจชื่อดัง รวม 20 ราย กรณีอนุมัติซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 2,100 ล้านบาท และ 400 ล้านบาท ให้บริษัท บิลเลี่ยนฯ โดยมิชอบ และเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัท บิลเลี่ยนฯ นั้น สิ่งที่น่าสงสัยของการชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช.ครั้งนี้ ทำไม ไม่มี คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(บอร์ด สกสค.)ชุดปี 2556-2557

"การอนุมัติการจ่ายเงิน-ค้ำประกัน-ลงทุน ของ กองทุน ช.พ.ค.ฯ วงเงินกว่า 2,500 ล้านบาท ที่อยู่ภายใต้กำกับของ คณะกรรมการ สกสค. ต้องมีมติ บอร์ด สกสค.ทั้ง 23 คน รองรับ แน่นอนว่่าต้องมี ข้าราชการระดับสูงของ กระทรวงศึกษาธิการระดับ11 ทั้ง 5 แท่ง ผู้ทรงคุณวุฒิ และ ผู้แทนครู ทำไมไม่มีเลย น่าสงสัยมาก ครั้งที่แล้ว นำเงินกองทุนฯไปลงทุนแบบหลักทรัพย์มีมูลค่าน้อยกว่าเงินที่เอาออกไป ป.ป.ช.ยังชี้มูลความผิดเลย"เลขสฯภตช. ตั้งข้อสังเกต

\'มงคลกิตติ์\' มึน! \'ป.ป.ช.\' ไม่ชี้มูลบอร์ดสกสค.ปี56-57

เลขาฯภตช.มึน!ทำไม“ป.ป.ช.”ไม่ชี้มูลบอร์ดสกสค.ปี56-57

นพ.ธีระเกียรติ  เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

เลขาฯภตช. กล่าวอีกว่า ไม่เพียงเท่านั้น ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ปฏิบัติหน้าที่ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) เปิดเผยผ่านสื่อว่า ขณะนี้สกสค.ได้เจรจาขอกู้ยืมเงินกองทุนสนับสนุนพิเศษเพื่อความมั่นคงของสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา(ช.พ.ค.)และ การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษากรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม(ช.พ.ส.) ของ สกสค.เพื่อนำมาใช้หนี้พนักงานและเจ้าหน้าที่องค์การค้าของ สกสค. ตามคำสั่งศาล ที่ให้องค์การค้าของ สกสค. จ่ายเงินค้างจ่ายพร้อมดอกเบี้ยให้แก่พนักงานองค์การค้าของ สกสค. 2,441 คน เป็นเงินรวมดอกเบี้ยกว่า 1,200 ล้านบาท รวมกู้ทั้งหมดกว่า 1,500 ล้านบาท โดยนำเสนอบอร์ด สกสค. เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2560 ที่มี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.)ประธานกรรมการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) และ พวกอีก 8 คน

เลขาฯภตช. ตั้งข้อสังเกตว่า การกู้ครั้งนี้ องค์การค้าของ สกสค.ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเลย และอีกอย่างทรัพย์สินขององค์การค้าของ สกสค.มีหนี้สิน(กว่า 6,000 ล้านบาท)มากกว่าทรัพย์สิน(กว่า 3,000ล้านบาท)ซึ่งไม่มีสถาบันการเงินที่ไหนปล่อยกู้ อีกทั้งถ้ากู้ไปแล้ว ไม่มีใครบอกได้ว่าจะใช้หนี้คืนได้เมื่อใด

"ซึ่งในระยะเวลา 7 ปี องค์การค้าของ สกสค.กู้ครั้งที่ 1 เมื่อปี 2554 ก็ไป 700 ล้านบาท,กู้ครั้งที่ 2 ปี 2558 อีก 500 ล้านบาท และขออนุมัติจาก บอร์ด สกสค.ครั้งที่ 3 ในวันที่ 15 ปี 2560 อีก 1,500 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็น หนี้เสียไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) อาจจะผิดระเบียบกฎหมายไม่สามารถทำได้ คล้ายกับการอนุมัติโยกเงินฝากของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ไปลงทุน โดยไม่ขออนุมัติจากสมาชิกแล้วเจ้ง เพราะผิดวัตถุประสงค์กองทุน ช.พ.ค.ฯ เนื่องจากเป็นเงินรีฟันดอกเบี้ย 1% ของธนาคารออมสินและธนาคารอื่นๆ ซึ่งเป็นเงินของครูผู้กู้กว่า 5 แสนคน ได้ถามเจ้าของเงินเขาหรือยัง ถ้าจะใช้เงินให้เกิดประโยชน์จริงโดยตรงกับครู ควรนำเงินไปลดดอกเบี้ยเงินกู้ครูเป็นรายบุคคล ที่ครอบคลุมผู้กู้ทั้งหมดซึ่งเป็นเจ้าของเงินที่แท้จริง จะดีกว่า"เลขาฯภตช. เสนอทางออก

เลขาฯภตช.มึน!ทำไม“ป.ป.ช.”ไม่ชี้มูลบอร์ดสกสค.ปี56-57

ดร.พิษณุ  ตุลสุข รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่ เลขาธิการ สกสค.

เลขา ภตช. ยังชี้อีกว่า  วิธีที่ถูกต้องของการแก้ปัญหา นั้น บอร์ด สกสค. ควรขายหนังสือ องค์การค้าของ สกสค.ที่เหลือค้างในโกดังกว่า 20 ล้านเล่ม มูลค่ากว่า 1.1 พันล้านบาท กับ ทวงหนี้เอกชนที่ค้างกว่า 230 ล้านบาท รวมดอกเบี้ย นำมาชำระหนี้ได้เลยโดยไม่ต้องเอาเงินของครูกว่า 5 แสนคน มาใช้หนี้แทน

"หรือถ้า บอร์ด สกสค.มีความจำเป็นเร่งด่วน ต้องกู้เงินให้ได้ เพื่อจะชดเชยความผิดพลาดที่บริหารงาน องค์การค้าของ สกสค.โดยสุจริตแต่เบาปัญญาสุดๆ ในการบริหารธุรกิจ อยากจะกู้ให้ได้ ก็ควรนำ ทรัพย์สินส่วนตัวของ ของบอร์ด สกสค.ทั้ง 9 ราย มาหารเฉลี่ยกัน แล้วนำมาค้ำประกันเงินกู้จำนวน 1,500 ล้านบาท หรือมาปล่อยกู้ให้ องค์การค้าของ สกสค.แทน จะไม่มีใครว่าพวกท่านเลย หรือ จะฝืนเอาเงินครูมาใช้ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกองค์กรครู เจ้าของเงินตัวจริงฟ้องต่อศาลคดีอาญาทุจริตฯก็เป็นได้"เลขาฯภตช.

นายมงคลกิตติ์  กล่าวอีกว่า ภายในสัปดาห์หน้า ตนจะเดินทางไปที่ สำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อร้องให้ป.ป.ช.เร่งดำเนินการสอบในเชิงลึกกรณีเงินครูจำนวน 2,500 ล้านบาทหาย แต่ ป.ป.ช. กลับไม่มีการชี้มูลความผิด บอร์ด สกสค. ปี 2556 และบอร์ด สกสค. ปี 2557