ตลาดสั่ง 'เอิร์ธ' เปิดฐานะ

ตลาดสั่ง 'เอิร์ธ' เปิดฐานะ

ตลาดสั่ง“เอิร์ธ”เปิดฐานะ หลังผิดนัดชำระหนี้พร้อมเบรกซื้อขายหุ้น “ก้องเกียรติ”หันระดมทุนหุ้นกู้เพิ่มขึ้นหนีความเสี่ยงตั๋วบีอี

ตลาดให้“เอิร์ธ”แจงฐานะการเงิน และผลกระทบดำเนินงานหลังผิดนัดชำระหนี้ พร้อมสั่งหยุดซื้อขายหุ้นจนกว่าจะได้รับข้อมูล ด้าน“ก้องเกียรติ”ระบุเอเซียพลัสรับเป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้าหุ้นกู้มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงผิดนัดชำระตั๋วบีอี

ตลาดหลักทรัพย์ รายงานว่าได้สั่งหยุดพักการซื้อขายหุ้น(SP) บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) EARTHวานนี้(15มิ.ย.) จนกว่าบริษัทจะชี้แจงข้อมูลการผิดนัดชำระหนี้ที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจตามปกติฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างไร

ทั้งนี้ บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ ได้ชี้แจงตลาดหลักทรัพย์ข้อเท็จจริงการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงินว่า เมื่อช่วงปลายเดือนเม.ย. 2560 แบงก์เจ้าหนี้ระงับการใช้วงเงินชั่วคราวและสั่งให้ลดหนี้ให้เหลือ 5 พันล้านบาททันที ยอมรับ ณ วันที่ 14 มิ.ย.60 ผิดนัดชำระหนี้แบงก์รวม 717 ล้านบาท เข้าเกณฑ์ถูกเรียกไถ่ถอนหุ้นกู้ทั้งหมดในทันที ขณะที่สถาบันการเงินทบทวนวงเงินสินเชื่อทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถขอสินเชื่อ-ออกตราสารหนี้ได้

บริษัทได้ดำเนินธุรกิจการค้าถ่านหินทั้งในและต่างประเทศมาเป็นเวลายาวนาน โดยได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจากสถาบันการเงินในประเทศมามากกว่า 10 ปี ในอดีตที่ผ่านมา บริษัทไม่เคยมีประวัติค้างชำระหนี้ไม่ว่าจะเงินต้นหรือดอกเบี้ย หรือชำระหนี้ล่าช้าแม้แต่ครั้งเดียว

เมื่อช่วงปลายเดือนเม.ย. 2560 สถาบันการเงินแห่งหนึ่งได้แจ้งบริษัทให้ระงับการใช้วงเงินชั่วคราว และลดภาระหนี้ที่มีต่อสถาบันการเงินดังกล่าวให้เหลือ 5,000 ล้านบาท โดยมีผลทันที อีกทั้งบริษัทได้วางแผนออกหุ้นกู้ 5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผนการจัดหาวงเงินหมุนเวียนเพิ่มเติม เพื่อชำระเงินกู้ประมาณ 3,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะเป็นเงินหมุนเวียนแต่หุ้นกู้ดังกล่าวยังไม่ได้รับการพิจารณาจากสถาบันการเงิน

 ในเดือนพ.ค.2560 สถาบันการเงินดังกล่าวได้ล็อกบัญชีทั้งหมด ทั้งที่ยังมิได้ผิดนัดชำระหนี้หรือผิดเงื่อนไขทำให้บริษัทขาดสภาพคล่องและไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนสำรองได้ทัน ระหว่างเดือนม.ค.จนถีงปัจจุบัน บริษัทได้ชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน 4,122 ล้านบาท ทำให้บริษัทสูญเสียสภาพคล่อง และผิดนัดชำระหนี้ตัวแลกเงินในที่สุด ส่วนผลกระทบของการผิดนัดชำระหนี้ตามตั๋วแลกเงินที่อาจมีต่อหนี้อื่น

บริษัทขอสรุปผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้ ณ วันที่ 14 มิ.ย. 2560มีภาระหนี้ที่ผิดนัดชำระเงิน 717,504,097.97 บาท เข้าเงื่อนไขของการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ครั้งที่1/2558 ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2560 และหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2559 ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2562 ซึ่งบริษัทจะแจ้งนายทะเบียนหุ้นกู้ถึงเหตุผิดนัดดังกล่าวต่อไป

สถาบันการเงินอื่นได้พิจารณาทบทวนวงเงินสินเชื่อทั้งหมดอีกครั้ง ทำให้บริษัทไม่สามารถใช้วงเงินสินเชื่อได้ รวมทั้งไม่สามารถออกตราสารหนี้ตั๋วแลกเงินฉบับใหม่เพื่อทดแทนฉบับเดิมที่จะถึงกำหนดชำระ ขณะที่ถูกลดระดับความน่าเชื่อถือจากคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งทำให้ต้องดำเนินธุรกรรมต่างๆด้วยเงินสดมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงิน

สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อให้สามารถชำระหนี้ที่มีอยู่ได้ตามกำหนด บริษัทอยู่ระหว่างหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม หากชัดเจนจะแจ้งให้ทราบต่อไป

นายก้องเกียรติ  โอภาสวงการ  ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซียพลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)ASP กล่าวว่าปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอีที่เกิดขึ้นนั้นเป็นปัญหารายบริษัท มีอาจมีปัญหาในด้านการจัดการสภาพคล่องทางการเงินที่ไม่สอดคล้องกัน

ทั้งนี้ผลกระทบการผิดนัดชำระหนี้ที่มีอย่างต่อเนื่อง มองว่าจะทำให้บริษัทที่ไม่มีการจัดอันดับเครดิตเรทติ้ง หรือ บริษัทที่ไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกันตราสารหนี้อาจจะทำการระดมทุนยากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทจะหันไปให้บริการด้านหุ้นกู้มากขึ้น เพื่อให้ป้องกันความเสี่ยงในการระดมทุน รวมถึงพิจารณาปัจจัยพื้นฐานบริษัทที่ออกตั๋วบีอีด้วย