ทหารเปิดท่าเรือ6ชุมชนโกลกแล้ว ชาวบ้านเริ่มวิถีชีวิตปกติ

ทหารเปิดท่าเรือ6ชุมชนโกลกแล้ว ชาวบ้านเริ่มวิถีชีวิตปกติ

สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีการแก้ไข ปัญหาความมั่นคงแนวชายแดนด้าน อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส จนเจ้าหน้าที่ทหารมีการสั่งปิดท่าเรือ 6 ชุมชน เขตเทศบาลเมืองสุไหงโกลก ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จนสร้างความเดือดร้อนต่อวิถีชีวิตของชาวบ้าน

 จำนวน 1,300 ครัวเรือน รวม 5,200 คน และชาวบ้านได้รวมตัวกันชุมชนแสดงพลังความไม่พอใ จเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 60 ที่ผ่านมา โดยนายอิสมาแอ ยูโซ๊ะ ประธานท่าข้ามสุไหงโกลก และนายไพรัตน์ บินมามะ เจ้าของท่าเรือท่าชมพู่ พร้อมทั้งได้หาข้อสรุปร่วมกันยื่นเสนอต่อ นายสิทธิชัย ศักดา ผวจ.นราธิวาส และ พล.ต.วิชาญ สุขสง ผบ.ฉก.นราธิวาส เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทบทวนคำสั่งการสั่งปิดท่าเรือดังกล่าว เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 60 ที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลว่าทำให้วิถีชีวิตชาวบ้านเปลี่ยนไปจนขาดรายได้นำมาเลี้ยงครอบครัว 

โดย พล.ต.วิชาญ สุขสง ผบ.ฉก.นราธิวาส แจงเหตุผลที่ต้องปิดท่าเรือข้ามฟากทั้ง 6 ชุมชน เนื่องจากเป็นท่าเรือที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ทางการได้อนุโลมเรื่อยมาจนชาวบ้านเคยชินคิดว่าเป็นท่าเรือจุดผ่อนปรน ที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายฉวยโอกาสใช้ช่องทางข้ามดังกล่าว แฝงตัวนำวัตถุระเบิดและสารตั้งต้นในการประกอบระเบิด ลักลอบเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และใช้เส้นทางดังกล่าวหลบหนีเข้าไปกลดานในประเทศเพื่อนบ้าน 

ล่าสุดหลังจาก พล.ต.วิชาญ สุขสง ผบ.ฉก.นราธิวาส ได้ยื่นข้อเรียกร้องของชาวบ้านให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบตามลำดับชั้น ในการทบทวนคำสั่งดังกล่าว ทราบจากชาวบ้านที่ประกอบอาชีพบริเวณท่าเรือข้ามฟากท่าชมพู่ว่า ทางทหารได้มีคำสั่งยอมเปิดท่าเรือข้ามฟากทั้ง 6 ชุมชนแล้วในวันนี้ แต่ไม่ทราบถึงรายละเอียดและข้อตกลง แต่ทราบว่าให้ชาวบ้านทั้ง 6 ชุมชนมีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารชุดป้องกันชายแดนที่ 3 ที่ทำหน้าที่รักษาการณ์อยู่ที่ท่าเรือทั้ง 6 ชุมชน ในการป้องกันและสกัดกั้นรวมทั้งตรวจสอบบุคคลและสิ่งของสัมภาระที่ประชาชนทั้ง 2 ฟากฝั่งนำเข้าออกระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ด้วยความเข้มงวดที่อาจจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงตามแนวชายแดน และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

โดยบรรยากาศที่ท่าเรือข้ามฟากทั้ง 6 ชุมชน มีประชาชนชาวไทยและมาเลเซีย ใช้บริการเรือยนต์รับจ้างข้ามฟากกันหนาตาและเป็นปกติเหมือนในช่วงมีคำสั่งปิดท่าเรือ ทำให้ชาวบ้านที่มีอาชีพ ขับเรือยนต์รับจ้างข้ามฟาก อาชีพรับจ้างแบกหาม มอเตอร์ไซด์รับจ้าง รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าที่ขายและซื้อสินค้าตามแนวชายแดน กลับมามีอาชีพและสร้างรายได้อีกครั้ง