เปิดปมสัมพันธ์ร้าวลึก“ลี เซียนหลุง”-พี่น้อง

เปิดปมสัมพันธ์ร้าวลึก“ลี เซียนหลุง”-พี่น้อง

ทายาทลี กวน ยู ปะทะคารมเดือด น้องชายน้องสาวกล่าวหาลี เซียน หลุง ไม่ทำตามเจตนารมณ์สุดท้ายของบิดา ใช้อำนาจโดยมิชอบ

นายลี เซียน หยาง และนางลี เว่ย หลิง บุตรชายและบุตรสาวคนรองของนายลี กวน ยู ผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์ ออกแถลงการณ์ผ่านทางโลกออนไลน์เมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) กล่าวหานายลี เซียน หลุง พี่ชายคนโตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ว่า รู้สึกไม่สบายใจที่นายลีผู้พี่ใช้ตำแหน่งและอิทธิพลเหนือรัฐบาลสิงคโปร์ในทางมิชอบ ใช้หน่วยงานรัฐบาลผลักดันวาระส่วนตัว พวกเขาทั้งคู่สูญเสียความเชื่อมั่นไม่ไว้ใจพี่ชายอีกต่อไป และดูท่าว่านายลีผู้พี่และภริยากำลังปลูกฝังความทะเยอทะยานทางการเมืองให้กับนายลี ฮองยี บุตรชาย นายเซียนหยางระบุว่า เขาจะออกจากสิงคโปร์ในเร็ว ๆ นี้เนื่องจากความร้าวฉานขยายวงกว้าง

นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังกล่าวถึงเจตนารมณ์ของนายลี กวน ยู ที่เปิดเผยชัดเจนว่า ต้องการให้ทุบบ้านเลขที่ 38 ถนนอ๊อกซเลย์ ของเขาทิ้งหลังอสัญกรรม แต่นายลีกลับขัดขวางความต้องการของบิดาผู้ล่วงลับ ไม่ยอมทุบบ้านเพราะต้องการสืบทอดผลงานความน่าเชื่อถือของบิดาต่อไป

“เราเป็นพลเมืองธรรมดาที่ไม่ทะเยอทะยานทางการเมือง เราไม่ได้ประโยชน์จากการทุบบ้านเลขที่ 38 ถ.ออกซ์เลย์ มากไปกว่าได้รับรู้ว่าพี่น้องเคารพเจตนารมณ์สุดท้ายของพ่อ”

ทั้งนี้ นายลี กวน ยู ผู้ล่วงลับเมื่อสองปีก่อน เคยเตือนว่าอย่าสร้างวัฒนธรรมบูชาตัวบุคคลเมื่อเขาอสัญกรรมไปแล้ว และเกรงว่าบ้านหลังเก่าที่เคยอาศัยจะกลายเป็นพิพิธภัณฑ์หากไม่ทำลายทิ้ง

ต่อมานายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ซึ่งอยู่ระหว่างพักผ่อนในต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ตอบโต้ระบุว่า เสียใจอย่างสุดซึ้งที่ถูกกล่าวหาเสีย ๆ หาย ๆ

“นับตั้งแต่คุณพ่อจากไปเมื่อเดือน มี.ค.2558 ผมในฐานะพี่ชายคนโตพยายามอย่างดีที่สุด แก้ปัญหาระหว่างพี่น้องด้วยความเคารพต่อคุณพ่อคุณแม่ แถลงการณ์ของน้อง ๆ ทำลายตำนานของคุณพ่อ” นายลีผู้พี่ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ค และว่าเขาและภริยาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยเฉพาะข้อที่ว่า เขาบ่มเพาะความทะเยอทะยานทางการเมืองให้ลูกชาย

นายลี เซียน หลุง เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของสิงคโปร์ในปี 2547 คุมอำนาจพรรคกิจประชาชน (พีเอพี) ที่ปกครองสิงคโปร์มาโดยตลอดนับตั้งแต่ได้สิทธิปกครองตนเองจากอังกฤษในปี 2502 เขานำพรรคพีเอพีคว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งปี 2558 หกเดือนหลังการจากไปของบิดา ผู้ได้รับการยกย่องว่าพลิกผันอดีตอาณานิคมอังกฤษที่แสนยากจนมาเป็นประเทศประเทศที่ร่ำรวยและสังคมมีเสถียรภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก