ไข่ไก่อารมณ์ดี จากดอยวาวี ถึงมือคนรอ

ไข่ไก่อารมณ์ดี จากดอยวาวี ถึงมือคนรอ

เป็นการโคจรมาพบกันอย่างลงตัวระหว่างหมู่บ้านชาวเขาเลี้ยงไก่ไข่ออร์แกนิค “ห้วยน้ำเย็น” ธุรกิจเพื่อสังคมส่งเสริมชาวเขาให้มีอาชีพเสริม แต่กำลังเจอปัญหาผลผลิตล้น การเข้ามาเชื่อมต่อของ “เทสโก้ โลตัส” จึงกลายเป็นการปลดล็อก เสริฟไข่อารมณ์ดีถึงมือผู้บริโภค

ภาพของฟาร์มไก่ไข่ที่เลี้ยงออร์แกนิค ช่างแตกต่างจากไก่ไข่ในวงอุตสาหกรรมอย่างสิ้นเชิง ณ หมู่บ้าน "ห้วยน้ำเย็น" ดอยวาวี อ.วาวี จ.เชียงราย  แหล่งเลี้ยงไก่ไข่ออร์แกนิคโดยชาวเขาเผ่ากระเหรี่ยง และอาข่าที่อาศัยอยู่บนดอย ที่ได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์ว่าเป็นแหล่งภูมิศาสตร์ที่เหมาะแก่การเลี้ยงไก่ออร์แกนิค

สภาพพื้นที่เชิงดอย เนินเขาของครอบครัวชาวเขาในหมู่บ้าน ถูกพัฒนาเป็นฟาร์มเลี้ยงออร์แกนิค เป็นพื้นที่ให้ไก่วิ่งเล่น ขึ้นลงเนิน ขณะที่สภาพอากาศดีตลอดปี ทำให้แม่ไก่แต่ละตัวอยู่อย่างอารมณ์ดีในทุกๆ วัน

เอกนรินทร์ มะโนลา ผู้จัดการฝ่ายผลิต บริษัท ฮิลไทรบ์ ออร์แกนนิคส์ จำกัด ธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เล่าถึงฟาร์มออร์แกนิคดังกล่าว ว่า เริ่มต้นจากการส่งเสริมต้นน้ำแหล่งอาหารออร์แกนิค มีสมาชิกปลูกพืช อาหารสัตว์อินทรีย์ ที่ อ.เวียงชัย 45 ราย พื้นที่ 250 ไร่ และสมาชิกอีก 40 รายปลูกถั่วเหลืองในพื้นที่ 230 ไร่

ส่วนโครงการไข่ไก่ออร์แกนิคบนดอยวาวี บริษัทได้ส่งเสริมการชาวเขา บนดอยที่มี 2 เผ่า คือ กระเหรี่ยงกับอาข่า เข้ามาร่วมโครงการทำเป็นอาชีพเสริม โดยชักชวนชาวเขาให้เข้ามาเลี้ยงไก่เป็นอาชีพเสริม ทางบริษัทสนับสนุนช่วยสร้างโรงเรือนให้ 30% จากงบทั้งหมดราว 4-5 หมื่นบาท โดยบริษัทช่วยเหลือด้านปัจจัยการผลิต ตั้งแต่พันธุ์แม่ไก่ครอบครัวละ 700 ตัว และอาหารอินทรีย์ทุกวัน โดยทางศูนย์จะรับซื้อไข่ทุกฟอง ในราคา 80 สตางค์

หลังจากเริ่มดำเนินโครงการมา 4 ปี จากปี 2556 จากสมาชิก 4 ราย เริ่มเห็นตัวอย่างของรายได้มั่นคง และไม่ต้องเหนื่อยทั้งวัน เพียงการเฝ้าสังเกต และอบรมการดูแลไก่ออร์แกนิคต่อจากศูนย์ไข่ได้ได้เฉลี่ยวันละ 300-500 ฟอง หรือรายได้เฉลี่ยวันละ 300-400 บาท หรือเดือนละ 1-1.5 หมื่นบาท

จากอาชีพเสริม แต่ทำรายได้หลักที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้มั่นคงขึ้น จึงมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 19 ราย ในปี 2557 และเพิ่มเป็น 34 รายในปี 2558 ล่าสุดปัจจุบันมีสมาชิก 47 ราย จูงใจให้เกษตรกรลงทะเบียนรออนุมัติเข้าโครงการอีก 50 ราย ที่จะเริ่มดึงเข้าระบบเมื่อมีการบริหารจัดการผลผลิตได้สมดุลไม่เหลือ รวมถึงมีคำสั่งซื้อเพิ่มเข้ามา

“อาชีพดั้งเดิมของชาวเขาดอยวาวี ในอดีตทำไร่เลื่อนลอย ทำเกษตรใช้สารเคมี บางคนรับจ้าง การเลี้ยงไข่ไก่จึงเป็นอาชีพเสริมที่ทำรายได้หลักให้กับเกษตรกร ลงทุนสูงลงทุนครั้งเดียว แล้วคอยดูแลไก่ไข่ให้โต เก็บไข่ไปขายอายุแต่ละรุ่นประมาณ 1 ปีครึ่ง ”

ธุรกิจเพื่อสังคม ฮิลไทรบ์ฯ ได้ทำสัญญากับเกษตรกร เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำรับซื้อผลผลิตอาหารแล้วเอามาผสมสูตรอาหาร แล้วพัฒนาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ให้กับกลุ่มเกษตรกตรดอยวาวีไปเลี้ยง เมื่อได้ผลผลิตมารวบรวม ลงทะเบียนไข่ไก่แต่ละฟองถึงแหล่งที่มาของสมาชิกผู้เลี้ยงก่อนรวบรวมแล้วส่งไปจุดกระจายสินค้าที่ศูนย์ อ.เวียงชัย

หลังจากส่งเสริมการเลี้ยงจนมีเกษตรกรให้ความสนใจจำนวนมาก ทำให้ผลผลิตไข่ไก่ออร์แกนิคระบายไม่ทัน ผลผลิตรวม 1.1 แสนฟองต่อสัปดาห์ มีไข่ไก่ที่ได้มาตรฐานประมาณ 8.5 หมื่นฟองต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังอยู่ในช่วงบริหารจัดการระบายสินค้า พัฒนาเข้าไปจำหน่ายตลาดโมเดิร์นเทรดต่างๆ นำผลผลิตบางส่วนมาแปรรูป เป็นเต้าหู้ไข่ไก่ออร์แกนิค ที่อยู่ระหว่างการเตรียมลงทุนพัฒนาระบบการผลิต

การมาพบกันของฮิลไทรบ์ฯ และเทสโก้ โลตัส ที่เข้ามาปลดล็อกปัญหาสินค้าล้นตลาดอีกทาง โดยตัดพ่อค้าคนกลาง เทสโก้ฯ เข้ามารับซื้อไข่ไก่ออร์แกนิคเหล่นนี้ โดย พรเพ็ญ นาถพิริยรัตน์ รองประธานกรรมการฝ่ายกำกับดูแลคุณภาพสินค้า เทสโก้ฯ บอกถึงการเข้ามาของเทสโก้ฯ อยู่ในช่วงของการขยายสินค้าออร์แกนิค เพราะตลาดกำลังเติบโต แต่ยังหาแหล่งผลิตที่ปลอดภัย มีวิธีการเลี้ยงที่ปลอดภัย ทนทานต่อการเกิดโรคระบาดในไก่ไข่

หลังจากเข้ามาตรวจสอบมาตรฐานการเลี้ยงตั้งแต่ต้นน้ำ อาหาร กระบวนการเลี้ยงซึ่งไก่ทุกตัวมีวิธีการเลี้ยงโดยธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี เมื่อไก่เจ็บป่วยหรือท่าไม่ดีก็แยกไก่ออกไปทานสมุนไพร แต่โดยทั่วไปแล้วไก่จากดอยวาวี จะแข็งแรงกว่าไก่จากที่เลี้ยงทั่วไป ขณะเดียวกันเมื่อตรวจสอบ คุณค่าทางโภชนาการของไข่ไก่จากดอยวาวีแล้ว ซึ่งได้รับการรับรองจากห้องทดลอง และกรมปศุสัตว์พบว่ามีโอเมก้า 3 สูงกว่าไข่ไก่ทั่วไป และที่สำคัญมีไขมันต่ำ

เทสโก้ฯ เข้าไปตรวจสอบกระบวนการเลี้ยงทั้งหมดจนได้ผลผลิตที่พร้อมขาย ซึ่งชาวเขาบนดอยวาวีที่เข้าร่วมโครงการกับฮิลไทรบ์ ออร์แกนนิคส์ เลี้ยงไก่แบบปล่อยอย่างอิสระ ในโรงเรือนมาตรฐาน กินอาหารอินทรีย์ สภาพแวดล้อมที่ดี คนเลี้ยงก็รักเหมือนลูกทำให้ไก่อารมณ์ดี มีไข่ไก่คุณภาพ

จึงเป็นการมาพบกันที่ลงตัวของค้าปลีกรายใหญ่ อย่างเทสโก้ฯ ที่มีสาขากว่า 1,900 สาขา เริ่มต้นนำร่องที่ 29 สาขา และปัจจุบันขยายเป็น 99 สาขา และกำลังจะขยายต่อไปในอนาคต ที่คาดว่าภายใน 1-2 ปี สัดส่วนการจำหน่ายไข่ไก่ออแกนิคจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันไม่ถึง 1% เพิ่มขึ้นเป็น 5 % ของไข่ไก่ทั่วไปที่จำหน่ายในเทสโก้ฯ

เราพบว่าตลาดออร์แกนิคกำลังเติบโต แต่เรากำลังมองหาแหล่งผลิตที่ได้คุณภาพ แม้ราคาแตกต่างกันฟองละ 3 บาท แต่ตลาดคนรักสุขภาพก็เติบโตขึ้น ซึ่งเราเข้ามาช่วยเหลือการพัฒนามาตรฐานให้ตรงกับความต้องการ ปัจจุบันส่งให้เทสโก้ฯ 1.5 หมื่นฟอง ในรูปแบบของแบรนด์เทสโก้ โลตัส ออร์แกนิค

การเข้าร่วมโครงการทำให้ชีวิตบนดอย ของ มาบือ แสนโชคอรุณ หญิงชาวกระเหรียงวัย 62 ปีมีชีวิตที่มีความหมายมากขึ้นและแน่นอนยิ้มกว้างขึ้น เธอเล่าว่า อดีตเคยทำไร่เลื่อนลอย ทำเกษตรเชิงเดี่ยว รุกเผ้าถางป่าเพื่อปลูกพืช ข้าวโพด ถั่ว โดยพึ่งพาสารเคมี แม้รายได้สูงแต่ต้นทุนทำเกษตรก็สูงตาม ที่สำคัญสุขภาพก็ไม่ดีเพราะพิษสารเคมีที่ปนในตัวเวลาต้องพ่นฉีดยา แต่เมื่อเปลี่ยนมาเลี้ยงไก่ไข่ออร์แกนิค ชีวิตก็ไม่ยุ่งยากและมีความสุขกับการนั่งคอยดูแล สังเกตุไก่ไข่ออร์แกนิคในฟาร์ม ที่วิ่งเล่น โดยมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญจากฮิลไทรบ์ฯ มาแนะนำตรวจสอบสม่ำเสมอ คอยเสริมความรู้ และคอยสังเกตุ เฝ้าระวัง เมื่อมีอากาศเปลี่ยนแปลง

ขณะที่ครอบครัวของ ปุกคำ ลิพอ ชาวกระเหรี่ยง ที่เพิ่งเริ่มต้นหันมาเลี้ยงไก่ไข่ตามเพื่อนบ้าน เล่าว่า ที่ผ่านมาทำอาชีพรับจ้างไปเรื่อยได้ค่าแรงวันละ 200-300 บาท รายได้จึงไม่แน่นอน เมื่อเห็นเพื่อนบ้านมีอาชีพมั่นคงรายได้ดีก็เลยสนใจเข้าร่วมโครงการ ซึ่งปัจจุบันเริ่มเก็บไข่ได้แล้วรายได้เฉลี่ยวันละ 300 บาทเป็นรายเสริมครอบครัว เตรียมเก็บเงินไว้ให้ลูกในอนาคต โดยที่พ่อบ้านก็มีรายได้อีกทางจากอาชีพรับจ้าง แม่บ้านอยู่บ้านก็คอยดูแลไก่ไข่ได้

“ผมดูแลไก่อย่างดี ลูกผมก็มีความสุขที่ได้มาดูแลไก่ เก็บไข่สดๆ ทุกวัน”

เช่นเดียวกันกับชีวิตที่เปลี่ยนไปของ หมี่ทู อาซอง แม่บ้านดูแลลูกวัยประถม เล่าให้ฟังว่าเข้าร่วมโครงการ เลี้ยงไก่ไข่ 700 ตัว เลี้ยงมากว่า 3 ปี ผ่านไป 2 รุ่น ผลผลิตสูงสุดถึง 600 ฟอง มีรายได้หลักที่เลี้ยงดูครอบครัวได้แน่นอน โดยไม่ต้องไปทำงานนอกบ้าน เป็นแม่บ้านแล้วยังดูแลเลี้ยงไก่เดินเล่นในฟาร์ม

“เห็นรายได้ที่มากขึ้นจนทำให้อยากจะเพิ่มปริมาณการเลี้ยงไก่ไข่ อีก 1,000 ตัว แรงจูงใจที่ให้สามีที่ไปทำงานในต่างประเทศกลับมาทำงานในบ้านเกิด ช่วยกันเลี้ยงไก่ไข่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมกันกันทั้งครอบครัว” หมี่ทู เล่าพร้อมรอยยิ้ม