ธุรกิจมองครึ่งหลังฟื้น ห่วงหนี้ครัวเรือนกดกำลังซื้อ

ธุรกิจมองครึ่งหลังฟื้น ห่วงหนี้ครัวเรือนกดกำลังซื้อ

“กรุงเทพธุรกิจ” สำรวจความเห็น“นักธุรกิจ”ต่อสถานการณ์ธุรกิจครึ่งปีหลัง ใน 5 เซ็กเตอร์หลัก ได้แก่ รถยนต์ อสังหาฯ อุปโภคบริโภค-ค้าปลีก และท่องเที่ยว-โรงแรม

ส่วนใหญ่มองแนวโน้มธุรกิจดีกว่าครึ่งปีแรก จากแรงหนุนการลงทุนภาครัฐ สินค้าเกษตรราคาดี และภาคส่งออกปรับตัวดีขึ้น กังวลปัญหาหนี้ครัวเรือน และกำลังซื้อที่ยังคงชะลอตัว กดดันธุรกิจ 

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังในส่วนของภาคการท่องเที่ยวจะยังเติบโต ปัจจัยมาจากภาครัฐให้ความสนใจด้านการสร้างมาตรฐานมากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มความสะดวกในเชิงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การเปิดเฟสใหม่ในสนามบินดอนเมือง ซึ่งจะช่วยกระจายความหนาแน่นจากสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเป็นสนามบินหลัก รวมถึงการขยายสนามบินในภูมิภาค ที่เริ่มเห็นการเติบโตด้านการจราจร ช่วยให้การเดินทางเชื่อมต่อของนักท่องเที่ยวเป็นไปได้ดีขึ้น

นอกจากนั้นการจัดระเบียบโรงแรมผิดกฎหมาย เปิดโอกาสให้เข้ามาจดทะเบียนถูกต้อง เพื่อให้ธุรกิจโรงแรมแข่งขันภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน

อย่างไรก็ตามปัจจัยพื้นฐานด้านความมั่นคง ยังเป็นเรื่องท้าทาย อาทิ การเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นที่โรงพยาบาล ถ้าหากเหตุการณ์เหล่านี้ ภาครัฐสามารถให้ความชัดเจนได้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด ก็จะลดผลกระทบด้านความเชื่อมั่น ดังนั้นเมื่อเกิดประเด็นดด้านความปลอดภัย สิ่งสำคัญคือต้องสื่อสารให้เร็วที่สุด

ฮอนด้า”คาดตลาดรถโตต่อ

นายณัฐ ปฏิภาณธาดา ผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและวางแผนกลยุทธ์ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังว่า จะอยู่ในภาวะทรงตัว เนื่องจากปัจจุบันไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนใดๆที่จะระบุได้ว่าจะเป็นบวกหรือเป็นลบ แม้ว่าจะมีบางเหตุการณ์เกิดขึ้น เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดีนักซึ่งอาจจะส่งผลกับไทยได้บ้าง แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเช่นกัน รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองและเหตุการณ์ความไม่สงบบางอย่าง แต่ก็เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถบริหารจัดการได้

โดยเห็นว่าสิ่งที่จะต้องจับตาดูคือ สถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ และการพิจารณาสินเชื่อของผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าที่มีราคาสูง

อย่างไรก็ตามในด้านของธุรกิจยานยนต์ เชื่อว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะไม่ส่งผลกระทบกับตลาดที่มีทิศทางที่ดี และมียอดขายที่เติบโตอย่างโดดเด่นมาตั้งแต่ช่วงต้นปี เนื่องจากมีสินค้าใหม่เข้ามากระตุ้นตลาดต่อเนื่อง รวมถึงการที่ปี 2559 ตลาดหดตัว โดยเฉพาะในช่วงต้นปี เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ที่เริ่มต้นใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2559 ทำให้ผู้บริโภคเร่งการซื้อรถในช่วงปลายปี 2558

“ตลาดรถยนต์กำลังมีโมเมนตัมที่ดี ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนแรก ขณะที่เดือน 4 เดือน 5 หรือช่วงก่อนฤดูฝนก็ยังคงเติบโต และเชื่อว่าโมเมนตัมนี้จะต่อเนื่องไปยังช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งอาจจะทำให้ตลาดรถยนต์มียอดขายที่สูงกว่าการประเมินก่อนหน้านี้คือ 8 แสนคัน”

สหพัฒน์ฯ”กังวลกำลังซื้อไม่ฟื้น 

นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มเศรฐกิจครึ่งปีหลังน่าจะปรับตัวดีขึ้น เพราะตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาก่อนหน้านี้ขยายตัวดีเกินคาด แม้กำลังซื้อของผู้บริโภคยังมีสัญญาณชะลอตัว ซึ่งถือเป็นความท้าทายของธุรกิจ

“เอกชนยังคาดการณ์ไม่ได้ว่าลูกค้ารออะไร จึงไม่ยอมจับจ่ายใช้สอยมากนัก ดังนั้นแบรนด์สินค้าและบริการต้องหากลยุทธ์ จัดกิจกรรมการตลาดตลอดจนนำเสนอสินค้าเพื่อดึงดูดประชาชนให้มาใช้จ่ายแบรนด์ของตน ขณะที่ความเปลี่ยนแปลงต่างๆในอนาคตคาดการณ์ยากมาก” นายเวทิต กล่าวและว่า ส่วนภาพรวมรายได้ปีนี้บริษัทยังไม่มีการปรับเป้าหมายแต่อย่างใด เพราะเพิ่งผ่านมาเพียง 5 เดือน

ค้าปลีก”ลุ้นลงทุนรัฐหนุนโต

นางสาวจริยา จิราธิวัฒน์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ครึ่งปีหลังนี้มีปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่เป็นตัวแปรสำคัญกระทบกำลังซื้อ ซึ่งขณะนี้กำลังเข้าสู่รอบไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ การใช้จ่ายอาจแผ่วลง โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ ยังไม่เกิดการปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรมการลงทุนภาคเอกชนยังไม่ฟื้นตัว และพึ่งพาการลงทุนภาครัฐ ขณะที่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์เติบโตลดลงทั้งยอดขายและกำไร

ประการสำคัญหนี้ครัวเรือนที่ยังส่งสัญญาณที่จะทรงตัวในระดับ 80.2% มีผลต่ออำนาจการซื้อของครัวเรือนอยู่ในระดับต่ำ ทำให้การบริโภคสินค้าหมวดคงทนและหมวดสินค้ากึ่งคงทนอาจต้องชะลอออกไป

จากการวิเคราะห์การเติบโตของภาคบริการ 3 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง ภาคการเงินการธนาคาร และภาคค้าปลีก

สมาคมคาดการณ์ธุรกิจค้าปลีกครึ่งปีแรกเติบโต 3.0-3.2% และภาพรวมทั้งปีคาดว่าอยู่ในระดับเดียวกันนี้ หากไม่มีปัจจัยลบและมีการขับเคลื่อนเมกะโปรเจค เป็นรูปธรรมมากขึ้นธุรกิจค้าปลีกปีนี้อาจเติบโตสูง 3.2%

ห่วงศก.โลกกระทบธุรกิจ

นายอภิศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขายต่างประเทศ บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลังน่าจะปรับตัวดีขึ้น จากการที่รัฐยังคงเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ ราคาพืชผลทางการเกษตรดีขึ้น โดยเฉพาะข้าวหลังจากหมดสต๊อก ก็จะส่งผลดีต่อชาวนา รวมถึงพืชเกษตรอื่นๆราคาดี

ส่วนความท้าทาย คือการขาดแคลนวัตถุดิบมะพร้าว ขณะที่บริษัทต้องผลิตสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ทำให้ต้องปรับตัว โดยการหาพื้นที่เพาะปลูกมะพร้าว วางรากฐานให้มีวัตถุดิบเพียงพอ

นายณัฐพล วิสุทธิไกรสีห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเซียติค อุตสาหกรรม จำกัด มองสถานการณ์เศรษฐกิจกำลังซื้อครึ่งปีหลังน่าจะปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์มะพร้าวยังคงเติบโตไม่หวือหวา ส่วนหนึ่งเกิดจากผู้บริโภคเริ่มมีสินค้าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอื่นๆเป็นทางเลือกมากขึ้น

สำหรับความท้าทายการทำธุรกิจปีนี้ เป็นเรื่องของการเพิ่มกำลังการผลิตสินค้ากะทิในครึ่งปีหลัง จะทำให้บริษัทต้องเพิ่มโอกาสการขาย จากปีที่ผ่านมาคาดการณ์ความต้องการพลาดทำให้เสียโอกาสยอดขายไปพอสมควร

ทั้งนี้ ครึ่งปีหลังบริษัทมีการปรับแผนธุรกิจด้านการผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ส่วนรายได้ปีนี้ปรับเป้าเล็กน้อย โดยเป้าหมายยอดขายอยู่ที่กว่า 4,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท โดย 5 เดือนแรกมียอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ในประเทศปีนี้คาดว่าปรับขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 3-4%

แสนสิริ”ประเมินแนวโน้มดี

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจาก 3 ปัจจัยสำคัญ ประกอบด้วย ภาคเกษตรกรรม การส่งออก และภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ มองว่าหากปัจจัยดังกล่าวผนวกกับสถานการณ์ต่างๆปรับตัวดีขึ้น ก็จะส่งให้ภาพรวมเศรษฐกิจดี และภาคอสังหาฯก็จะปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน และอาจเติบโตในระดับ 4 -5%

“อสังหาฯเริ่มมีทิศทางที่ดี เพราะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆเข้ามาช่วยให้โครงการอสังหาฯขยายตัว"

ขณะที่ปัจจัยความท้าทายที่สำคัญของการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบด้วย การนำเทคโนโลยีมาใช้ หรือเข้ามาเสริมการดำเนินงาน วิธีการทำตลาด เก็บข้อมูล เข้าถึงลูกค้า รองลงมา คือ การบริหารการเงินให้ดี และความท้าทายกับการเลือกทำเลที่เหมาะสม ซึ่งมองว่าความต้องการในกลุ่มไฮเอนด์ยังดีอยู่ 

สัมมากร”มองบวกอสังหาฯ

นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลังว่า จะทยอยปรับตัวดีขึ้น โดย 3 ปัจจัยหลักเกิดจาก การลงทุนภาครัฐที่จะมีเพิ่มขึ้นในหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงข่ายคมนาคม รถไฟฟ้าสายสีต่างๆ รวมถึงมอเตอร์เวย์ที่จะเชื่อมต่อเส้นทางในหลายจังหวัด ซึ่งก็มีผลต่อตลาดอสังหาฯอย่างมาก เปิดโอกาสให้นักพัฒนาอสังหาฯรายต่างๆเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย รองลงมาคือ ปัจจัยการส่งออก นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยผลผลิตเกษตร ที่มองว่าปีนี้ไม่น่าจะมีปัญหาน้ำท่วมให้น่ากังวลและรุนแรงเหมือนในปี2554 ส่วนปัญหาภัยแล้งก็ไม่รุนแรง ส่งผลให้มองว่าภาคเกษตรปีนี้จะเริ่มปรับตัวดีขึ้น

สำหรับความท้าทายธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 3 อันดับแรก ประกอบด้วย การหาลูกค้าที่มีศักยภาพเข้ามาซื้อสินค้าในโครงการ ,การวางแผนใช้สื่ออย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์และการหาที่ดิน โดยที่ดินที่ดีในปัจจุบันราคาก็ปรับตัวขึ้นสูงแล้ว หรือที่ดินที่ราคาพอสู้ได้ก็อาจมีความเสี่ยงในการทำธุรกิจอยู่บ้าง