'ปฐมพงศ์' กราบขอขมาศิลปินแห่งชาติ สยบปมดราม่าดร.จับฉลากได้

'ปฐมพงศ์' กราบขอขมาศิลปินแห่งชาติ สยบปมดราม่าดร.จับฉลากได้

ผู้ช่วยอธิการบดี มมส เข้ากราบขอขมา "ฉวีวรรณ ดำเนิน" ศิลปินแห่งชาติ ที่บ้านจ.ร้อยเอ็ด สยบปมดราม่า "ดร.จับฉลากได้" ด้านลูกสาวหมอลำดังเผยความทุกข์ใจของแม่

ความคืบหน้า กรณี ผศ.ดร.ปฐมพงศ์ ณ จัมปาศักดิ์ นักวิชาการศิลปวัฒนธรรมอีสาน และผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายกิจการพิเศษ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ที่ได้มีการนำเอาข่าวออนไลน์ของเวปไซต์หนังสือพิมพ์ “คมชัดลึก” ที่สัมภาษณ์ ดร.ฉวีวรรณ พันธุ หรือ ฉวีวรรณ ดำเนิน ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หมอลำ) เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของวงการหมอลำกับสังคมไทย โดยผศ.ดร.ปฐมพงศ์ ได้นำไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวและมีข้อความวิพากษ์วิจารณ์จนเชื่อมโยงไปถึงการโพสต์ชื่นชมศิลปินหมอลำรุ่นใหม่ ลำไย ไหทองคำ และเป็นที่มาของการโต้ตอบกับบรรดาเพื่อนในสังคมออนไลน์จนมีการใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม และดูเหมือนเชื่อมโยงหมิ่นเกียรติศิลปินแห่งชาติ ดร.ฉวีวรรณ ดำเนิน จนกระทั่งทำให้บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของดร.ฉวีวรรณ ไม่พอใจ ได้เข้ายื่นหนังสือกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยเพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้ ตามข่าวที่ได้เสนอมาแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ (6 พ.ค. 60) ผศ.ดร.ปฐมพงศ์ ณ จัมปาศักดิ์ นักวิชาการศิลปวัฒนธรรมอีสาน และผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายกิจการพิเศษ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ได้นำธูป เทียน เพื่อเข้ากราบขอขอมา ดร.ฉวีวรรณ ดำเนิน ที่บ้านพักในจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีบรรดาลูกศิษย์ ดร.ฉวีวรรณ ดำเนิน ที่เคยมาร่วมกันยื่นหนังสือกับทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยเพื่อให้ตรวจสอบและเอาผิดกับ ผศ.ดร.ปฐมพงศ์ ก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย นายวรศักดิ์ วรยศ นักวัฒนธรรมสำนักวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น , นายจักรพงศ์ เพ็ชรแสน ศิลปิน ครู นักดนตรี และ นางจินตนา เย็นสวัสดิ์ ศิลปินมรดกอีสาน และครอบครัวของดร.ฉวีวรรณ ดำเนินได้ร่วมเป็นสักขีพยานด้วย

โดย ดร.ฉวีวรรณ ดำเนิน ได้กล่าวภายหลังการกราบขอขมาว่า วันนี้ถือเป็นวันมงคลสำหรับคนรับการขอขมาและคนให้ วันนี้เรามาปิดการแตกแยกกัน ทั้งเรื่องของวัฒนธรรม โดยวัฒนธรรมเก่าและใหม่เราจะไม่ให้เกิดความหมอง เราจะประสานงานกัน จะอยู่ด้วยกัน แต่ก็ต้องระวังบางสิ่ง โดยเฉพาะวาจา เป็นสิ่งสำคัญ จงให้วาจานั้นเป็นวาจาที่อยู่ด้วยกันเสมอภาค ไม่ให้เกิดการแบ่ง ไม่ให้เกิดการว่ากระทบกระทั่งกัน เพื่อให้เกิดความยุติ หากวันนี้อาจารย์ปฐมพงศ์ได้มาขอรับคำให้อภัย วันนี้แม่ก็ขอให้อภัย

ทางด้าน นางสาวพิศเพลิน พันธุ ลูกสาว ดร.ฉวีวรรณ ดำเนิน กล่าวว่า “ตั้งแต่แรกที่ได้ยินข่าวก็เสียใจมาก ในส่วนของคุณแม่ ท่านให้อภัยทุกคนอยู่แล้ว แต่ว่าเราเห็นแม่ซึม นั่งอยู่ในห้องพักก็เงียบไม่สดชื่น แสดงว่ามันต้องส่งผลกระทบต่อชีวิตของท่าน เราอยู่ด้วยเราเป็นลูกเรารู้ทุกอย่างที่คนอื่นไม่รู้ พ่อก็รู้เต็มอก ลูกหลานก็รู้ แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรที่ไม่ทำให้แม่ไม่สบายใจ มีทั้งลูกศิษย์ที่โทรศัพท์เข้ามาถามข่าวมากมาย เราก็ได้แต่ตอบไปว่า แม่ไม่เป็นไร แต่ถามว่าลึก ๆ มันไม่ใช่ สิ่งที่พี่ต้องการนะ พี่ไม่ได้ต้องการให้อาจารย์เกิดความเสียหายอะไรเลย เพียงแต่ว่าเมื่ออาจารย์มาสร้างรอยด่างให้แม่พี่ ให้ครอบครัวพี่ เกียรติยศชื่อเสียงครอบครัวพี่ พี่ก็แค่อยากจะเห็นอาจารย์มาแสดงความรับผิดชอบ หรือขอโทษด้วยความจริงใจ ซึ่งในวันนี้อาจารย์ก็ได้แสดงความจริงใจ และพี่ก็อยากฝากต่อไปด้วยว่า ไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก พี่ก็เชื่อว่าอาจารย์ก็มีศักดิ์ศรีของอาจารย์ แม่พี่ก็มีศักดิ์ศรี พี่ไม่ได้พูดถึงการวิจารณ์ทางวิชาการ แต่พี่ติดใจเรื่องของการดูหมิ่น ปมดร.จับสลาก ป้าโนเบล ทั้ง ๆ ที่แม่ของพี่ก็ทำงานเพื่อสังคมมาตลอด แค่อยากรู้ว่าเขียนมาได้ยังไง กับผู้หญิงแก่ๆ คนนึง พ่อพี่ก็เป็นคนขับรถให้แม่ พ่อก็แก่ กว่าจะกลับมาถึงบ้าน ตี 2 ตี 3 ลูกต้องนอนรอฟังเสียงรถพ่อกับแม่มาถึงบ้านปลอดภัย คนอื่นไม่มีทางรู้ ซึ่งทางสถาบันเองเชิญแม่มา แม่พี่ก็ต้องไป และสิ่งที่สูงสุดคือแม่รับพระราชทานปริญญาบัตร กับองค์สมเด็จพระเทพฯ นี่คือสิ่งที่ครอบครัวของเราภูมิใจ แต่พออาจารย์มาบอกว่า ดร.จับสลาก มันเหมือนกับอาจารย์เอาสิ่งที่อยู่บนหัวพี่ลงมาเหยียบ พี่รับไม่ได้ ”

ส่วน ผศ.ดร.ปฐมพงษ์ ณ จัมปาศักดิ์ นักวิชาการศิลปวัฒนธรรมอีสาน และผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายกิจการพิเศษ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) ที่นำเอาเครื่องขอขมาไปขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมกับบอกว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องตัวเองก็คิดมากเหมือนกัน นอนไม่หลับ เขียนแถลงการณ์ออกมาขอโทษ โดยแยกรายละเอียดเป็นข้อ ๆ นั้น อยากให้เห็นว่า ตนไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และทุกครั้งที่ตนเข้ามาคุณแม่ฉวีวรรณ ตนมาด้วยใจ แต่อาจจะด้วยบุคลิคของตนที่เป็นคนพูดแบบนี้

"และในวันนี้สิ่งใดที่ผมทำพลาดพลั้งไป ก็ต้องกราบขอขมา ไม่ว่าจะเป็นด้วยกาย วาจา ใจ อยากให้คุณแม่ฉวีวรรณทราบว่า ในใจผมไม่เคยคิดจะเหยียบย่ำ วันนี้ก็ได้ขอให้คุณยายได้ให้อภัยผม”