Daily Market Outlook (6 มิ.ย.60)

Daily Market Outlook (6 มิ.ย.60)

ตลาดหันไประวังเรื่องการเมือง

คาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อวันนี้ในทิศทางเดียวกับตลาดในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่เปิดลบจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ไม่ดีนักจากสหรัฐและยุโรป แม้ตัวเลขภาคบริการจะดีมากทั้งในจีนและญี่ปุ่น นักลงทุนทั่วโลกจับตาเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญของโลกคือ การเลือกตั้งอังกฤษ การให้ปากคำของอดีตหัวหน้า FBI สหรัฐ การประชุม ECB และการเลือกตั้ง ส.ส.ของฝรั่งเศส การตัดสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกาตาร์กับหลายประเทศอาหรับอาจกระทบความพยายามลดกำลังการผลิตน้ำมันของบรรดาผู้ผลิตได้ ตัวเลขเศรษฐกิจไทยล่าสุดมีทั้งบวกและลบ รายได้ภาษีของรัฐบาลต่ำกว่าเป้า 8 หมื่นล้านบาทใน 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ แต่รัฐบาลคาดภาคการเกษตรขยายตัวมากกว่า 2% ในไตรมาส 2/60

หุ้นเด่นวันนี้ :  LH (ราคาปิด 10.00 บาท; NR; เป้าหมายของ IAA 11.40 บาท)

เราเลือก LH เป็น Pick of the day จากการเป็นหุ้น Asset Play และแนวโน้มทางเทคนิคน่าสนใจ เนื่องจากช่วงนี้ เราคาดว่ามี Fund Flow ไหลเข้าเห็นได้จากค่าเงินบาทแข็งค่าและเริ่มมีการเก็บหุ้น Asset Play ที่มี Dividend ดี โดยมองว่ารายได้ของ LH ในปี 2560 จะเพิ่มขึ้น 11%YoY เป็น 33,000 ล้านบาท โดยมี Backlog ในมือที่ 17,570 ล้านบาท จากแนวราบ 20% และคอนโดมีเนียม 80% คาดว่าจะบันทึกเป็นรายได้ในปีนี้ 11,899 ล้านบาท โดยสัดส่วนการรับรู้รายได้มาจากโครงการใหญ่คือ คอนโดมีเนียม 333 Riverside มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท สร้างเสร็จและเริ่มโอนมาตั้งแต่กลางไตรมาส 4/59 และ The Bangkok สาทร มูลค่าโครงการ 7,500 ล้านบาท สร้างเสร็จและเริ่มโอนปลายไตรมาส 1/60 รวมถึงThe Key เจริญราษฎร์ มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท คาดว่าสร้างเสร็จและเริ่มโอนกลางปี 2560 ส่วนแนวราบมีการเปิดขายโครงการ ช่วงปลายไตรมาส 1/60 ซึ่งได้รับการตอบรับดี คาดว่าสามารถโอนได้ในช่วงไตรมาส 2/60 เป็นต้นไป คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/60 จะดีขึ้นกว่าไตรมาส 1/60 ที่มีกำไรสุทธิ 1,774 ล้านบาท ลดลง 11.2%YoY และ ลดลง 11.1%QoQโดย LH ยังมีมูลค่าเงินลงทุนในบริษัทในเครือ (LHBANK, HMPRO, QH และ Q-CON)สูงถึง 40,000 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่า 3.34 บาทต่อหุ้น และอัตราปันผลตอบแทนสูงถึงปีละ 6%IAA’s ประเมินกำไรสุทธิปี 2560 และปี 2561 ไว้ 0.78 บาท และ 0.81 บาทตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่ 13% และ 4% ตามลำดับ ปัจจุบัน LH ซื้อขายที่ค่า PER ที่ 14 เท่า ซึ่งหากอิงค่าเฉลี่ยในอดีตของ LH ที่ซื้อขายราว 15 เท่า จะมีราคาเหมาะสม 11.40 บาท ยังมี Upside อีกราว 14% Price Pattern ของ LH ยังมีแนวโน้มหลักเป็นขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily &Monthly Buy Signal โดยหากปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 10 บาท ก็จะทำให้เกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ ซึ่งจะเป็นการยืนยันการปรับฐานเสร็จสิ้นแล้ว เป้าหมายถัดไปคือ 10.60 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 11.40 บาท มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 9.50 บาท (Resistance: 10.10, 10.20, 10.30; Support: 9.90, 9.75, 9.65)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ธปท.คลายเกณฑ์แลกเปลี่ยนเงินตรา เช่น ให้คนไทยที่มีสินทรัพย์ระหว่าง 50-100 ลบ.ลงทุนโดยตรงในหลักทรัพย์ต่างประเทศสูงสุด 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และมีการยกเลิกเอกสารประกอบที่ไม่จำเป็นในการนำเงินออก เป็นต้น เพื่อเพิ่มความสะดวกในการประกอบธุรกิจให้กับภาคเอกชน หนุนเงินทุนไหลออกและแก้ปัญหาบาทแข็ง (Bangkok Post)

• รายได้ภาษีพลาดเป้า 8 หมื่น ลบ. สำหรับยอด 8 เดือนแรกถึง พ.ค. ผลพวงจากราคาน้ำมันต่ำ สรรพากรประเมินยอดจัดเก็บภาษีต่ำเป้า 1.87 แสนล้านบาท (Bangkok Post)

• คาด GDP เกษตรโตต่อ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ภาคเกษตรไตรมาส 2 ปี 2560 จะขยายตัวได้มากกว่า 2% จากช่วงผลผลิตในเดือนเมษายน-มิถุนายน โดยเฉพาะผลไม้ในภาคตะวันออกเกือบทั้งหมดออกสู่ตลาด ผลผลิตปีนี้มากกว่าปีที่ผ่านมา แต่ราคาไม่ได้ต่ำลง เพราะมีความต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศ จึงส่งออกได้มากขึ้น (มติชน)

• เอสเอ็มอีจิ๋วเข้าไม่ถึงเงินทุน กู้ไม่ผ่านติดเงื่อนไขสารพัด สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังมีธุรกิจเอสเอ็มอีมากกว่า 2.2-2.3 ล้านราย ประสบปัญหาเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากโครงการรัฐหรือสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ยาก เนื่องจากสถาบันการเงินมีการวางเงื่อนไขการกู้ที่เข้มงวดทำให้ลูกค้าหลายรายกู้ไม่ผ่านขณะที่การสนับสนุนวงเงินจากภาครัฐก็ยังมีแต่วงเงินยังไม่เข้าถึง เอสเอ็มอีรายย่อยจริง ๆ จึงอยากให้ภาครัฐช่วยผ่อนปรนการเข้าถึงสินเชื่อมากกว่าที่เป็นอยู่ (เดลินิวส์)

• PTTEP (ราคาปิด 86.75บาท): ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ผู้รับสัมปทานทั้งหมดในประเทศหยุดประกอบกิจการปิโตรเลียมชั่วคราวในพื้นที่ สปก.ทำให้ PTTEP ได้ระงับการดำเนินงานในโครงการ S1 ส่วนที่อยู่บนพื้นที่สปก. ชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.60 เป็นต้นไป ส่งผลให้ปริมาณการขายน้ำมันดิบลดลง15,000 บาร์เรลต่อวันปริมาณการขาย LPG ลดลง 130 ตันต่อวันและปริมาณขายก๊าซธรรมชาติลดลง 10 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเมื่อนำเป้าหมายการขายของทั้งบริษัท PTTEP ปี 2560 ที่ 300,000 ถึง 310,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน มาเทียบ จะคิดเป็นสัดส่วน 4-5% ของยอดขายรวม (SET)ความเห็น:เราคาดว่ารายได้ของบริษัทจะลดลงประมาณ 5.6 พันล้านบาทในปี 2560 และเท่ากับ 9.7 พันล้านบาทสำหรับทั้งปีหากมีการหยุดพักมีระยะเวลานานกว่าหนึ่งปี คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3-6 ของรายได้รวมของ ปตท.สผ. ที่ 150,000 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตามผลกระทบจะหมดไปหากมีการยกคำสั่งศาล ดังนั้นเราจึงคาดว่าจะส่งผลกระทบนี้เป็นระยะสั้นต่อ PTTEP แต่เรายังคงแนะนำ "ขาย" ราคาเป้าหมาย 78 บาทต่อไป

 

ต่างประเทศ:

• ประเด็นการเมืองโลกที่จับตามอง ได้แก่การเลือกตั้งทั่วไปในอังกฤษในวันพฤหัสนี้ การให้ปากคำจากนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI ในวันพฤหัสเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งของทรัมป์ที่มีความเป็นไปได้ว่ามีการสมคบกับรัสเซีย และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสมาชิกในฝรั่งเศสที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 11และ 18 มิ.ย. นี้ (Reuters)

• ความแตกแยกในตะวันออกกลาง ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐฯอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์และบาห์เรนปิดเส้นทางการขนส่งกับกาตาร์ ผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) รายใหญ่ โดยกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนพวกสุดโต่งและกัดเซาะเสถียรภาพของภูมิภาค แม้กาตาร์จะมีกำลังผลิต 600,000 บาร์เรลต่อวัน ถือเป็นหนึ่งชาติผู้ผลิตรายเล็กที่สุดในกลุ่มโอเปก แต่สถานการณ์ความตึงเครียดดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อข้อตกลงลดกำลังผลิตที่มีเป้าหมายกระตุ้นราคาน้ำมัน (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลักในตะกร้าเงินเมื่อวันจันทร์ ฟื้นตัวจากที่ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนหันมาให้ความสนใจที่การประชุม ECB ในสัปดาห์นี้ และการเลือกตั้งในอังกฤษซึ่งจะจัดขึ้นในวันพฤหัสนี้ทั้งคู่ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.1% ที่ระดับ 96.809 (Reuters)

• ราคาพันธบัตรอ้างอิงสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนบันทึกกำไรจากการปรับตัวขึ้นในวันก่อนจากรายงานการจ้างสหรัฐซึ่งทำให้นักลงทุนผิดหวังและบ่งชี้ว่าเฟดน่าจะดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวังมากขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ้างอิงอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.173% จาก 2.159% เมื่อวันศุกร์ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.828% จาก 2.812% เมื่อวันศุกร์ (Reuters)

 

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันจันทร์ จากข้อมูลภาคการผลิตและบริการที่ลดลง และหุ้นแอปเปิลที่ปรับตัวลงได้กลบการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและการเงิน หุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารซึ่ง underperform นับแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ดึงดูดให้มีการเข้าซื้อเพิ่มขึ้นแม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวลงและอัตราผลตอบแทนใกล้สู่ระดับแบนราบที่สุดในรอบ 8 เดือนก็ตาม (Reuters)

• มาร์กิต: ภาคบริการสหรัฐเร่งขยายตัวในเดือนพ.ค. ดัชนีกิจกรรมธุรกิจในภาคบริการสหรัฐยังคงปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 50.0 ในเดือนพ.ค. โดยอยู่ที่ 53.6 เพิ่มขึ้นจาก 53.1 ในเดือนเม.ย. เป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับแต่เดือนก.พ. และยังขยายการเติบโตของกิจกรรมในช่วงปัจจุบันออกไปถึง 15 เดือน นอกจากนี้ ดัชนี Markit US Composite PMI Output ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.6 ในเดือนพ.ค. จากที่ระดับ 53.2 ในเดือนเม.ย. (IHS Markit)

• ISM :กิจกรรมภาคบริการสหรัฐชะลอตัวในเดือนพ.ค. เนื่องจากคำสั่งซื้อใหม่ได้ปรับตัวลง แต่การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ชี้ว่าตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งแม้ว่าในเดือนก่อนจะเติบโตชะลอตัวก็ตาม สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เผยว่าดัชนีภาคบริการของ ISM ร่วงลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือนโดยอยู่ที่ 56.9 ดัชนีที่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 2 ใน 3 ของเศรษฐกิจสหรัฐ (ISM)

 

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปปรับตัวลงวันจันทร์ ฉุดโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคารที่ถูกรั้งโดยหุ้น Banco Popular นอกจากนี้ การโจมตีในลอนดอนเมื่อวันเสาร์ส่งผลกระทบต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเช่นกันแต่ว่าก็ไม่ได้กระทบต่อตลาดโดยรวมเท่าใดนัก (Reuters)

• ตลาดคาด ECB จะมีมุมมองบวกขึ้นต่อเศรษฐกิจยุโรป และ ECB อาจมีการพูดคุยเรื่องการหยุดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจบางอย่างถ้าจำเป็น (Reuters)

• เศรษฐกิจยูโรโซนเดือน พ.ค. เติบโตต่อเนื่องเนื่องจากเยอรมันและฝรั่งเศสขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 6 ปี ดัชนี Final Eurozone Composite Output PMI เดือน พ.ค. อยู่ที่ 56.8 เทียบกับ Flash PMI ที่ 56.8 และดัชนีเมื่อเดือน เม.ย.ที่ 56.8 เช่นกัน ในระหว่างที่ ดัชนี Final Eurozone Services Business Activity PMI เดือน พ.ค. อยู่ที่ 56.3 เทียบกับ Flash PMI ที่ 56.2 และดัชนีเดือน เม.ย.ที่ 56.4 นอกจากนี้ ดัชนี Composite PMI ของเยอรมันอยู่ที่ 57.4 เทียบกับ Flash PMI ที่ 57.3 นับเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 73 เดือน ดัชนี PMI ฝรั่งเศสเดือน พ.ค.อยู่ที่ 56.9 เทียบกับ Flash PMI ที่ 57.6 (IHS Markit)

• นายกฯ อังกฤษเทเรซา เมย์ วางแผนที่จะตั้งเครือข่าย 9 กรรมาธิการการค้าทั่วโลกเพื่อหนุนการค้าหลังจาก Brexitทั้งในแง่การส่งออก เพิ่มการลงทุน และผลักดันนโยบายการค้าต่างประเทศ เมย์กล่าวว่า Brexitจะทำให้อังกฤษมองหาการค้าในรูปแบบทวิภาคีกับประเทศเพื่อนเก่าและพันธมิตร และอาจจะมีการจัดตั้งหน่วยงานรัฐเพื่อดูเรื่องการค้าโดยเฉพาะ (Reuters)

 

เอเชีย:

• ภาคบริการของญี่ปุ่นเติบโตเร็วที่สุดตั้งแต่ ส.ค.58: ค่า PMI ปรับตามฤดูกาลปรับตัวดีขึ้นเป็น 53.0 ในเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้นจาก 52.2 ในเดือน เม.ย. บ่งชี้ถึงการเติบโตที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ดัชนี Nikkei Composite Output ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.4 ในเดือนพ.ค. จาก 52.6 ในเดือน เม.ย. สูงสุดในรอบ 40 เดือน ขณะที่การเติบโตของภาคการผลิตสูงสุดในรอบสามเดือน (IHS Markit)

• ภาคบริการของจีนชะลอตัวลง เนื่องจากกิจกรรมการบริการของจีนขยายตัวเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งแสดงโดย Caixin China Services PMI ที่ 52.8 ในเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้นจาก 51.5 ในเดือน เม.ย. อย่างไรก็ตาม Caixin China Composite PMI ระบุว่าการขยายตัวของผลผลิตในช่วงเดือน พ.ค. ที่ 51.5 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนของเดือน เม.ย.ที่ 51.2 จุด แต่ต่ำสุดนับตั้งแต่ ก.ย. 2559 (IHS Markit)

 

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันร่วงอีกวันจันทร์ เนื่องจากความวิตกที่ว่าการที่ซาอุฯ ผู้ผลิตน้ำมันอันดับต้นและชาติอาหรับอื่นได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ อาจส่งผลกระทบต่อความพยายามในการลดกำลังการผลิต สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 48 เซนต์ หรือ 0.96% ปิดที่ 49.47 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 26 เซนต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 47.40 ดอลลาร์/บาร์เรล (Reuters)

• ทองคำคงที่วันจันทร์หลังพุ่งสู่จุดสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ เพราะรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรแย่กว่าคาดในวันศุกร์ลดมุมมองแข็งกร้าวว่าดอกเบี้ยสหรัฐจะปรับขึ้น ทองคำตลาดจรคงที่ 1,279.11 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากจุดสูงสุดต้นวันที่ 1,283.27 ดอลลาร์สหรัฐ สูงสุดนับแต่ 21 เม.ย. ทองคำสหรัฐล่วงหน้าบวก 0.2% ปิดที่ 1,282.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)