ไทยแอร์เอเชียชี้โลว์คอสท์ใหม่ในเครือหนุนตลาดจีนโต

ไทยแอร์เอเชียชี้โลว์คอสท์ใหม่ในเครือหนุนตลาดจีนโต

ไทยแอร์เอเชียชี้โอกาสเติบโตธุรกิจในจีนก้าวกระโดด หลังแอร์เอเชียกรุ๊ปเซ็นสัญญาพันธมิตรเตรียมจัดตั้งโลว์คอสท์ใหม่บุกตลาดจีน เชื่อมั่นช่วยสร้างแบรนด์เพิ่มการรับรู้ทั่วประเทศมีประสิทธิภาพ

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า หลังจากที่สายการบินแอร์เอเชียนำโดยนายโทนี เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มแอร์เอเชีย ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วม (เอ็มโอยู) กับ เอเวอร์ไบรท์ กรุ๊ป และรัฐบาลเหอหนาน ในการวางโครงสร้างเพื่อนำไปสู่ความร่วมมือจัดตั้งสายการบินโลว์คอสท์ในประเทศจีน หรือ แอร์เอเชีย ไชน่า ซึ่งจะมีฐานปฏิบัติการในเมืองเจิ้งโจว เมืองหลวงของมณฑลเหอหนาน ทางภาคกลางของจีน ไปเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา

ไทยแอร์เอเชีย ประเมินความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยทำให้ธุรกิจของแอร์เอเชียในไทยเข้าไปสร้างโอกาสเติบโตในจีนในระยะยาวได้อีกมาก เพราะเคยมีกรณีที่ประสบความสำเร็จไปก่อนคือ การจัดตั้งแอร์เอเชีย อินเดีย ขึ้นมา ทำให้กลุ่มบริษัทมีเครือข่ายท้องถิ่นของตัวเองที่ไปวางระบบทำการตลาด, การจัดจำหน่าย, การโฆษณาประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ และทำให้เข้าถึงตลาดในเชิงลึกได้ดีกว่าการไม่มีเครือข่ายการบินอยูในประเทศนั้นๆ ซึ่งทำให้ไทยแอร์เอเชีย ที่เคยเปิดเที่ยวบินนิวเดลี และกัลกัตตา ในอดีตต้องปิดเส้นทางลง แต่ปัจจุบัน วางกลยุทธ์เตรียมขยายเส้นทางอินเดียครั้งใหม่อย่างเต็มที่ เนื่องจากได้เครือข่ายของแอร์เอเชีย อินเดีย สนับสนุน ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะเปิดเส้นทางใหม่ได้อีก 2 เส้นทาง จากที่ปัจจุบันมีอยู่แล้ว 4 เส้นทาง ได้แก่ โคชิ, เชนไน, บังกะลอร์ และกัลกัตตา ซึ่งกลับมาให้บริการอีกครั้งหลังจากที่เคยปิดตัวไป

ดังนั้น หากในอนาคตมีการจัดตั้งแอร์เอเชีย ไชน่า ขึ้น จะมีผลโดยตรงต่อการสร้างเครือข่ายการตลาด ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักกว่าเดิมอีกมาก เนื่องจากตลาดจีนมีพื้นที่กว้างขวาง การใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์มากอย่างไรก็ไม่เพียงพอ แต่หากมีสายการบินในเครือเข้าไปอยู่ในประเทศ มีแบรนด์ อินเวสต์เมนต์ สร้างการรับรู้ต่อตลาดทั้งหมด ทุกสายการบินในกลุ่มก็จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย เมื่อเข้าไปเปิดเส้นทางขยายสู่จุดหมายใหม่ๆ ในจีน

ทั้งนี้ แอร์เอเชีย เป็นสายการบินโลว์คอสท์จากต่างประเทศรายแรก ที่เข้าไปทำตลาดจีนตั้งแต่ปี 2548 และบรรทุกผู้โดยสารในเส้นทางเชื่อมโยงประเทศจีนแล้วกว่า 40 ล้านคน ปัจจุบันให้จุดหมายให้บริการในจีนรวมกว่า 15 เส้นทางทั้งจากแอร์เอเชีย และแอร์เอเชีย เอ็กซ์

นายสันติสุข กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ตลาดจีนเริ่มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายปี 2559 ที่ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ โดยที่ผ่านมาความต้องการของลูกค้าไม่ได้ลดลง แต่ที่มีผลคือการปรับตัวของเอเยนต์ทัวร์ด้านการทำราคามากกว่า แต่ขณะนี้สังเกตว่าจุดหมายที่รับนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์เป็นหลัก เริ่มมีอัตราบรรทุกเฉลี่ยที่ดี เช่น หนานชาง-อู่ตะเภา อยู่ในระดับ 80-90% และภายในปีนี้ยังมีแผนเปิดเส้นทางใหม่ในจีนอีกราว 1-2 เส้นทาง เน้นเส้นทางใหม่ที่ไม่เคยมีให้บริการ เช่น บินจากฮับการบินในภูมิภาคของไทย อาทิ เชียงใหม่ ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในปีนี้ ยังดูท่าทีการขยายเส้นทางในจีนอย่างรอบคอบ เนื่องจากการแข่งขันในธุรกิจการบินสูงขึ้นมาก แต่ไทยแอร์เอเชียได้เปรียบตรงที่เข้าไปทำตลาดล่วงหน้ากว่า 10 ปี และปัจจุบันมีเส้นทางให้บริการกว่า 12 เส้นทางแล้ว

สำหรับภาพรวมของผู้โดยสารยังอยู่ในแนวโน้มเติบโต 18% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เช่นเดียวกับอัตราบรรทุกเฉลี่ยที่ตั้งเป้าตลอดปี 84% ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว ขณะที่งบการตลาดวางไว้ในสัดส่วน 3% ของรายได้เช่นเดิม กำลังซื้อของคนในประเทศช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ลดลง แต่ยังคงรักษาระดับด้วยการทำแผนส่งเสริมการขายจัดโปรโมชั่นตามช่วงเวลาอย่างต่อเนื่อง