แก๊งอิทธิพลฆ่าสามเณร คุมวัดฉาว เพื่อผลประโยชน์ร้อยล้าน

แก๊งอิทธิพลฆ่าสามเณร คุมวัดฉาว เพื่อผลประโยชน์ร้อยล้าน

ผบช.ภ.8 ยันทำลายแก๊งอิทธิพล ยึดครองวัดวังตะวันตก แหล่งผลประโยชน์หลายร้อยล้าน ลุยเด็ดขาดเริ่มต้นจากคดีสังหารสามเณรแล้วฝังในวัด ชี้ยังมีผู้เกี่ยวข้องอีกเกือบ 10 คน

ความคืบหน้า การขุดค้นหาศพของสามเณรปลื้ม หรือศุภโชค เอกเกียรติกุล อายุ 17 ปี ภายหลังจากที่ พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภ.8) และนายตำรวจระดับสูงของ ภ.จว.นครศรีธรรมราช นำตัวนายเด่นชัย ภูมินิยม หรืออดีตพระเด่น นายสุริยา กุศลสุข หรือสามเณรสุริยา เข้าทำแผนประทุษกรรมอีกครั้งและนำชี้จุดฝังศพ พร้อมทั้งการปิดบังทำลายหลักฐาน

จากนั้นได้ขอขมาศพแล้ว เจ้าหน้าที่ได้นำรถแบคโฮของเทศบาลนครนครศรีธรรมราชเข้าขุดค้น โดยพบว่า ศพของสามเณรปลื้ม หรือศุภโชค เอกเกียรติกุล อายุ 17 ปี อยู่ในสภาพถูกห่อด้วยจีวรและผ้านวม ส่วนศพนั้นสวมกางเกงกีฬาและเสื้อยืด โดยนายเด่นชัย รับว่า ผลัดเปลี่ยนให้ภายหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว หลังจากถูกนำขึ้นมาจากจุดฝัง และถูกส่งต่อไปยังศูนย์นิติเวช จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อทำการชันสูตรการตายอย่างละเอียด รวมทั้งพิสูจน์ดีเอ็นเอ ให้มีความชัดตรงกับบิดามารดา

โดยหลังจากที่ได้ทำการชันสูตรเบื้องต้นแล้วเก็บหลักฐานในจุดฝัง ซึ่งปรากฏทั้งการห่อศพ การเทคอนกรีตเสริมเหล็กทับบนศพก่อนที่จะฝัง รวมทั้งมีขวดน้ำมันก๊าด และอุปกรณ์ในการทำพิธีส่วนหนึ่งอยู่ที่ก้นหลุมสอดคล้องกับคำรับสาภาพของผู้ต้องหา

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการขุดค้นหาศพนั้น พระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช อดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ยอมรับกับผลตำรวจตรีวันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ถึงสภาพที่ถูกใส่กุญแจขังไว้ในกุฏิ และไม่เคยรับรู้สถานะการเงินของวัด เนื่องจากอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มผู้ต้องหาที่ฆาตกรรมสามเณรปลื้มเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น

พระเทพสิริโสภณ ยืนยันว่าทั้งนางสาวปิยฉัตร อรุณสกุล และนายเด่นชัย ภูมินิยม ไม่ได้เป็นญาติใดๆ และ

เมื่อถามว่าเหตุใดถึงเข้ามาควบคุมวัดได้อย่างเบ็ดเสร็จ พระเทพสิริโสภณเลือกที่จะนิ่งเฉยต่อคำถามนี้

นายเด่นชัย ภูมินิยม หรืออดีตพระเด่น บอกว่า ไม่ได้เจตนาฆ่าสามเณรปลื้ม สาเหตุที่ทำร้ายนั้น เนื่องจากสามเณรปลื้มได้ขโมยเงินสด และทองรูปพรรณน้ำหนัก 6 บาทไป จึงพยายามทวงคืนแต่ไม่ได้ผลจึงทำร้ายเพื่อสั่งสอนแต่ได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา

พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ระบุว่า วัดวังตะวันตก มีผลประโยชน์มหาศาล กลุ่มผู้ต้องหา ทั้งสามีภรรยา คือ นายเด่นชัย ภูมินิยม และนางสาวปิยฉัตร อรุณสกุล ครอบงำได้ทั้งหมด แม้แต่อดีตเจ้าอาวาส ถูกใส่กุญแจขังไว้ ไม่สามารถทำอะไรได้ อยู่ในสภาพห่มผ้าเหลืองเพียงอย่างเดียว กรรมการวัดไม่มี และขอเชิญชวนให้พุทธศาสนิกชน รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากวาดล้างทำความสะอาดวัดครั้งใหญ่ และอาจมีผู้ต้องหาเพิ่มในคดีนี้อีก รวมเกือบ 10 คน ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วน เช่น ผู้ขุด จัดหาปูนซีเมนต์ ผสมปูนซีเมนต์ ช่วยกันปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพ รวมทั้งต้องมีการสอบสวนพระเทพสิริโสภณ อย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งผู้ต้องหาอาจจะเข้าข่ายข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวอีก 1 คดี

ส่วนแหล่งผลประโยชน์ของวัด ที่กลุ่มผู้ต้องหาครอบครองจัดการอยู่นั้น มีทั้งรายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ของวัดมูลค่าหลายร้อยล้านบาท เงินสดที่ไหลเข้าวัดทุกวันวันละไม่น้อยกว่า 15,000 บาท ทั้งจากการเก็บค่าแผงค้ารายวัน ค่าจอดรถรายวัน และอื่นๆอีกหลายรายการ มีรายงานว่า ไม่ปรากฏอยู่ในสถานะทางบัญชีของวัด ส่วนนางสาวปิยฉัตรนั้น เดิมพบว่ามีอาชีพขายน้ำผลไม้ปั่นอยู่บริเวณหลังวัด และภายหลังได้มาบริหารจัดการภายในวัด ซึ่งมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยขณะนี้ใช้รถยนต์ราคาแพงอยู่ถึง 3 คัน