'เอ็มเอไอ' เกาะติดบจ.โคม่า

'เอ็มเอไอ' เกาะติดบจ.โคม่า

"เอ็มเอไอ" เกาะติดบจ.โคม่า ยอมรับมี "20บริษัท" ผลประกอบการส่อวิกฤติ แจงบริษัทขนาดเล็กมีปัญหาการบริหารจัดการต้นทุน 

ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เผยขณะนี้อยู่ระหว่างเกาะติด 20 บริษัทที่มีผลประกอบการอ่อนแอ และมีแนวโน้มจะย่ำแย่ ยอมรับบริษัทขนาดเล็กเสียเปรียบด้านการบริหารจัดการต้นทุน หวังจะพลิกฟื้นได้ในอนาคต ขณะที่คาดการณ์มูลค่าการซื้อขายในตลาดเอ็มเอไอปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท มั่นใจมูลค่าระดมทุนไอพีโอเป็นไปตามเป้าหมาย

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (เอ็มเอไอ) เปิดเผยว่า ปัจจุบันเอ็มเอไออยู่ระหว่างการติดตามบริษัทจดทะเบียนประมาณ 20 บริษัท หรือคิดเป็น 25 % ของทั้งหมดซึ่งมีผลการดำเนินงานที่มีปัญหา และยอมรับว่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอ มีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการจัดการต้นทุน แต่ยังมีความหวังที่บริษัทเหล่านั้นจะสามารถพลิกฟื้นให้มีทิศทางที่ดีขึ้นได้ในอนาคต

“ตลาดเอ็มเอไออยู่ระหว่างการติดตามบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิดประมาณ 20 บริษัทหรือคิดเป็น25 %ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอ เพราะแนวโน้มผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ไม่ดีนัก ปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนในเอ็มเอไอสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มประกอบด้วย กลุ่มที่มีการเติบโตสูง แบ่งเป็น 25 % กลุ่มที่มีผลการดำเนินงานระดับปานกลาง 50 % และผลการดำเนินงานต้องติดตามประมาณ 25%"

ทั้งนี้จากข้อมูลของตลาดเอ็มเอไอพบว่า บริษัทที่กำลังจะมีปัญหาในเรื่องผลการดำเนินงานนั้น อยู่ในกลุ่มธุรกิจสื่อหรือมีเดีย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องจับตามากที่สุด โดยปัญหาของบริษัทส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องของการบริหารต้นทุนของแต่ละบริษัท ซึ่งยังไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในระดับที่ดีหรือเหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจ จึงทำให้เป็นภาระ อย่างไรก็ตาม การเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอจะช่วยให้บริษัทจดทะเบียน มีศักยภาพในการระดมทุนเพิ่มขึ้น และมีเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย สามารถรับมือภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้ดี

ขณะที่ผลการดำเนินงานในภาพรวมนั้น ถือว่ายังเติบโตได้ดี  ซึ่งในงวดไตรมาสที่ 1ที่ผ่านมา ภาพรวมทั้งตลาดมียอดขายรวมอยู่ที่ 131,143 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.35 % ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 30,247 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.71 % และกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 3,890 ล้านบาท และกลุ่มที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นที่สุดนั้น คือกลุ่มธุรกิจการเงิน และประเมินว่าหลังจากนี้น่าจะมีแนวโน้มการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง 

สำหรับภาพรวมการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอในช่วงครึ่งปีหลัง ยังมั่นใจว่าจะมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน(วอลุ่ม)ใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่ระดับ 2.3 พันล้านบาท โดย ปัจจัยที่ต้องจับตาคือปัจจัยต่างประเทศที่อาจเข้ามากระทบกับภาพของการซื้อขายรวมทั้งหมด ขณะที่แนวโน้มการระดมทุนในครึ่งปีหลัง ยังเป็นไปตามเป้าหมายเดิม โดยคาดว่าจะมีอีก 10 บริษัทเข้าระดมทุน จากครึ่งปีแรกมีบริษัทเข้าระดมทุน 5 บริษัท ทำให้ทั้งปีมีการระดมทุนทั้งสิ้นประมาณ 15 บริษัท และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป)อยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท

 จากการรวบรวมข้อมูลของตลาดเอ็มเอไอ พบว่าในช่วง 5 เดือนแรกดัชนีหุ้นเอ็มเอไอปรับลดลง 7.69% มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 3.18 แสนล้านบาท ลดลง25.02% อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 1.53%สำหรับหุ้นที่มีการปรับตัวของราคา 5 อันดับแรกประกอบด้วย หุ้นซีซีเอ็น ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด 202.04%รองลงมาหุ้นธนาสิริกรุ๊ป 120.69% หุ้นมุ่งพัฒนา 63.54%หุ้นยูเนี่ยนปิโตรฯ 57.35%และหุ้นวันทูวัน 51.96%ขณะที่หุ้นอีฟอร์แอล ลดลงมากสุด 48.15% รองลงมาหุ้นทีเอสเอฟ 46.15%หุ้นนิวส์ 38.89% เป็นต้น